บทความนี้จะมานำเสนอเกี่ยวกับเรื่อง วิธีซักผ้าหน้าฝน ให้สะอาดหอม ไม่เหม็นอับกันนะคะ ต้องบอกเลยนะคะว่าในช่วงหน้าฝนแบบนี้ ปัญหาที่หลายคนเจอก็คือ “กลิ่นอับบนเสื้อผ้า” โดยเฉพาะคนที่มีเหงื่อเยอะ หรือทำกิจกรรมกลางแจ้ง เสื้อผ้ามักจะมีกลิ่นอับ ชื้น แห้งช้า และบางครั้งยังมีคราบเหงื่อติดฝังแน่นอีกด้วยนะคะ หากซักไม่ดี กลิ่นก็จะสะสม จนทำให้หมดความมั่นใจเวลาใส่นั่นเองค่ะ พร้อมแล้วมาดูกันเลยค่ะว่า วิธีซักผ้าหน้าฝน สะอาดหอม ไม่เหม็นอับนั้น จะต้องทำอย่างไรกันบ้างนะคะ
วิธีซักผ้าหน้าฝน สะอาดหอม ไม่เหม็นอับ
1. แยกผ้าเปียกเหงื่อหรือเหม็นอับก่อนซัก
หากเสื้อผ้าเปียกเหงื่อมาก ควรแยกออกจากผ้าทั่วไป และตากผึ่งไว้ก่อนนำลงตะกร้า เพราะการกองทิ้งไว้จะทำให้เชื้อแบคทีเรียเติบโตและเกิดกลิ่นหมักหมมที่ซักออกยาก
2. แช่ผ้าก่อนซัก
การแช่ผ้าจะช่วยขจัดกลิ่นและคราบเหงื่อได้ดีกว่าการซักตรงๆ ทันที โดยเฉพาะแช่ตามสูตรนี้
สูตรแช่ผ้า
– น้ำอุ่น
– เบกกิ้งโซดา 2 ช้อนโต๊ะ
– น้ำส้มสายชู 2 ช้อนโต๊ะ
– แช่ทิ้งไว้ 15–30 นาที
จากนั้นค่อยนำไปซักตามปกติ หากต้องการเพิ่มประสิทธิภาพการฆ่าเชื้อ สามารถเติมน้ำมันหอมระเหยทีทรีหรือลาเวนเดอร์ 2–3 หยดลงไปได้ ช่วยลดเชื้อราและกลิ่นอับได้ดี
3. ซักด้วยสูตรลดกลิ่นพิเศษ ในรอบซักปกติ แนะนำให้ใช้ส่วนผสมต่อไปนี้แทนการใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มทั่วไป
สูตรซักผ้าขจัดกลิ่น
– ผงซักฟอกสูตรเข้มข้นหรือสูตรแอนตี้แบคทีเรีย
– เบกกิ้งโซดา 1 ช้อนโต๊ะ
– เกลือป่น 1 ช้อนโต๊ะ
– น้ำส้มสายชู 2 ช้อนโต๊ะ (ใส่ในช่องน้ำยาปรับผ้านุ่ม)
สามารถลดได้หากปริมาณผ้าน้อย หรือรู้สึกว่าซักแล้วกลิ่นน้ำส้มสายชูแรงเกินไป การใช้เบกกิ้งโซดาและเกลือจะช่วยดูดกลิ่นและฆ่าเชื้อ ส่วนน้ำส้มสายชูจะช่วยสลายคราบเหงื่อและทำให้ผ้านุ่มโดยไม่ต้องใช้สารเคมีแรงๆ
4. ปั่นหมาดให้แห้งที่สุด
ใช้โปรแกรมปั่นหมาดที่รอบสูงสุด เพื่อให้ผ้าแห้งไวและลดโอกาสเกิดกลิ่นอับหลังซัก หากเครื่องซักผ้ามีระบบอบผ้าในตัว ถือว่าเป็นตัวช่วยที่ดีมากในช่วงฤดูฝน
5. ตากให้ถูกวิธี แม้ไม่มีแดด
ในวันที่ฝนตกหรืออากาศชื้น ควรตากผ้าในที่อากาศถ่ายเทดี ไม่อับชื้น หลีกเลี่ยงการตากในห้องน้ำหรือห้องครัว รวมถึงควรแขวนผ้าให้ห่างกัน ไม่ซ้อนทับ เพื่อให้อากาศไหลเวียนผ่านได้ทุกด้าน และหากเป็นไปได้ ควรใช้พัดลมหรือเครื่องดูดความชื้นช่วยให้แห้งเร็วขึ้น
6. ป้องกันกลิ่นสะสมหลังซัก
เมื่อนำผ้าไปพับเก็บหรือใส่ตู้ ควรแน่ใจว่าผ้าแห้งสนิทจริงๆ หากยังมีความชื้นเล็กน้อย ควรตากต่อด้วยพัดลมอีกสัก 1–2 ชั่วโมง การใส่ถุงดูดกลิ่น เช่น ถ่านไม้ไผ่ หรือซองสมุนไพรแห้งในตู้เสื้อผ้า จะช่วยดูดความชื้นและกลิ่นสะสมได้ในระยะยาว