QRCODE.in.th
  • รับทำ SEO
  • SMS
  • สร้าง QR CODE (current)
  • วิธีการใช้งาน?
  • ผลงานศิลปะของศิลปินระดับโลก
  • เบอร์ทรู call center ฟรี
  • เช็คเครือข่ายมือถือ
  • เกี่ยวกับเรา
  • เงื่อนไขการใช้บริการ
ล้างแอร์รถยนต์

เจตนาโจมตี เท่ากับ อาชญากรรมสงคราม (War Crime)

 บทความนี้จะมานไเสนอเกี่ยวกับเรื่อง เจตนาโจมตี เท่ากับ อาชญากรรมสงคราม กันนะคะ ต้องยอมรับเลยนะคะว่า ท่ามกลางภาพข่าวสงครามอันน่าสลดใจที่เกิดขึ้นนี้ หนึ่งในภาพที่สะเทือนความรู้สึกของผู้คนทั่วโลกมากที่สุด ก็คือภาพของโรงพยาบาลที่ถูกโจมตีนั่นเองค่ะ เรามาดูพร้อมกันเลยค่ะว่า ทำไมการกระทำเช่นนี้ถึงถูกตราหน้าว่าเป็น “อาชญากรรมสงคราม” ที่ยอมรับไม่ได้ในสายตาประชาคมโลกกันนะคะ
เจตนาโจมตี เท่ากับ อาชญากรรมสงคราม (War Crime)
คำตอบของเรื่องนี้อยู่ใน “อนุสัญญาเจนีวา (Geneva Conventions)” ซึ่งเปรียบเสมือน “กฎเหล็กของสงคราม” ที่ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกให้สัตยาบันและลงนาม และมีองค์กรอย่าง คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (ICRC) เป็นผู้ดูแลและผลักดันให้กฎหมายนี้มีความศักดิ์สิทธิ์ อนุสัญญาเจนีวา อนุสัญญาเจนีวา คือข้อตกลงระหว่างประเทศที่ถูกสร้างขึ้นหลังความโหดร้ายของสงครามโลกครั้งที่ 2 เพื่อวาง “กติกาขั้นต่ำ” ที่ทุกฝ่ายต้องปฏิบัติต่อกันอย่างมีมนุษยธรรมในภาวะสงคราม พูดง่าย ๆ คือ “สงครามก็ต้องมีกฎ” เพื่อจำกัดความโหดร้ายและปกป้องผู้ที่ไม่ได้ต่อสู้ อนุสัญญาชุดนี้มี 4 ฉบับหลัก
แต่ฉบับที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้โดยตรงคือ อนุสัญญาเจนีวาฉบับที่ 4 ซึ่งว่าด้วย การคุ้มครองพลเรือนในยามสงคราม ซึ่งระบุไว้อย่างชัดเจนใน มาตรา 18 ว่า “โรงพยาบาลพลเรือน ซึ่งจัดตั้งขึ้นเพื่อให้การดูแลแก่ผู้บาดเจ็บ ป่วย คนพิการ และสตรีมีครรภ์ จะต้องไม่ถูกโจมตีไม่ว่าในสถานการณ์ใด ๆ แต่จะต้องได้รับความเคารพและคุ้มครองจากคู่ขัดแย้งตลอดเวลา” ข้อความนี้คือหัวใจสำคัญที่ทำให้โรงพยาบาลกลายเป็น “พื้นที่ปลอดภัย (Safe Zone)” ที่ห้ามโจมตีโดยเด็ดขาดนั่นเองค่ะ
– สถานะพิเศษ : โรงพยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์ที่ติดสัญลักษณ์กาชาดหรือกาเสี้ยววงเดือนแดง ถือเป็น “พื้นที่คุ้มครองพิเศษ”
– ห้ามโจมตี : กฎกติกาสากลระบุชัดเจนว่า “ห้ามโจมตี” เพราะที่นี่คือสถานที่สุดท้ายที่มอบการช่วยเหลือแก่เพื่อนมนุษย์โดยไม่แบ่งแยกฝ่าย เพราะฉะนั้นแล้วเจตนาโจมตี จึงเท่ากับ อาชญากรรมสงครามนั่นเองค่ะ
กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศที่อยู่ในอนุสัญญาเจนีวา ระบุว่าการละเมิดกฎบางข้ออย่างร้ายแรง จะถูกยกระดับเป็น “อาชญากรรมสงคราม” (War Crime) การจงใจสั่งการหรือลงมือโจมตีโรงพยาบาลพลเรือน ถือเป็นการละเมิดอย่างร้ายแรง (Grave Breach) ของอนุสัญญาเจนีวา ซึ่งก็คืออาชญากรรมสงครามดี ๆ นี่เอง
ด้วยเหตุผลคือ
– ขัดต่อหลักมนุษยธรรม : เป็นการโจมตีคนป่วย คนเจ็บ และแพทย์ที่ไม่มีทางสู้
– ทำลายระบบสาธารณสุข : การทำลายโรงพยาบาล เท่ากับตัดโอกาสรอดชีวิตของพลเรือนอีกนับไม่ถ้วน
– สร้างความหวาดกลัว : เป็นยุทธวิธีที่มุ่งเป้าไปที่พลเรือนเพื่อสร้างความตื่นตระหนก ซึ่งเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้
โรงพยาบาลจะสูญเสียสถานะ “พื้นที่ปลอดภัย” ได้หรือไม่ ?
คำตอบคือ “เป็นไปได้ แต่เงื่อนไขเข้มงวดมาก” ความคุ้มครองจะหมดไปก็ต่อเมื่อโรงพยาบาลถูกใช้ในทางทหารอย่างชัดเจน เช่น ใช้เป็นฐานยิง หรือคลังเก็บอาวุธ แต่ถึงอย่างนั้น ฝ่ายที่จะโจมตีก็ไม่สามารถลงมือได้ทันที ต้องทำตามขั้นตอนต่อไปนี้ก่อน
– ต้องเตือนล่วงหน้า อย่างเป็นทางการ
– ให้เวลา เพื่อให้ยุติการใช้งานในทางที่ผิด
– จะโจมตีได้ก็ต่อเมื่อ คำเตือนถูกเพิกเฉย เท่านั้น
ดังนั้นการโจมตีโรงพยาบาลจึงไม่ใช่แค่ความผิดพลาดในสนามรบ แต่เป็นการกระทำที่ละเมิด “อนุสัญญาเจนีวา” ซึ่งเป็นกฎกติกาสากลที่ทั่วโลกยึดถือร่วมกัน นี่คือเหตุผลที่การกระทำดังกล่าวถูกประณามอย่างรุนแรง และประชาคมโลกต่างเรียกร้องให้นำตัวผู้รับผิดชอบเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เพราะการเคารพอนุสัญญาเจนีวา ก็คือการเคารพคุณค่าความเป็นมนุษย์ที่ต้องมีอยู่แม้ในยามสงครามนั่นเองค่ะ
ที่มา : The protection of hospitals during armed conflicts: What the law says | ICRC
  • FacebookFacebook
  • XTwitter
  • LINELine