บทความนี้จะมานำเสนอเกี่ยวกับเรื่อง 10 อันดับต้นไม้ปลูกริมระเบียง ทนแดดทนฝน สร้างสีสัน เติมความสดใสกันนะคะ เชื่อว่าหลายคนปล่อยระเบียงบ้าน ระเบียงคอนโดทิ้งไว้โล่ง ๆ เฉย ๆ เพราะทั้งร้อน ทั้งแคบ จนไม่รู้จะตกแต่งอย่างไรดี การนำไม้ดอกและไม้ประดับน่าปลูกริมระเบียงมาเพิ่มสีสัน ก็น่าจะเป็นไอเดียที่ดีไม่น้อยเลยนะคะ พร้อมแล้วตามมาดูกันเลยค่ะว่า 10 อันดับต้นไม้ปลูกริมระเบียง ทนแดดทนฝน สร้างสีสัน เติมความสดใสจะมี ต้นอะไรกันบ้างนะคะ

 

 

10 อันดับต้นไม้ปลูกริมระเบียง ทนแดดทนฝน สร้างสีสัน เติมความสดใส

 

 

 

1. ดาวเรือง ดาวเรือง (Marigold)

มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Tagetes spp. เป็นต้นไม้มงคลสื่อถึงเงินทอง ทั้งยังช่วยไล่แมลง ป้องกันงู ฟื้นฟูดิน และบำรุงสุขภาพได้ ปัจจุบันมี 5 สายพันธุ์ ลักษณะเป็นไม้ล้มลุกอายุไม่ถึง 1 ปี สูงประมาณ 30-100 เซนติเมตร ทรงพุ่มหนาแน่น ใบเป็นรูปหอก โคนใบสอบ ปลายใบแหลม ขอบใบหยัก ดอกออกตามปลายก้าน สีขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นสีเหลือง นิยมปลูกด้วยการเพาะเมล็ด โดยควรผสมดินเข้ากับวัสดุเพาะในอัตรา 1:1 ส่วน ชอบดินร่วนมากเป็นพิเศษ ชอบแสงแดดจัดโดยตรง ชอบให้ดินชุ่มชื้นอยู่เสมอ แต่ต้องระวังอย่ารดน้ำจนแฉะเกินไป

 

 

 

2. เบญจมาศ เบญจมาศ (Chrysanthemum)

มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Chrysanthemum morifolium L.H. Bailey เป็นต้นไม้ที่ช่วยกรองอากาศ มลพิษและกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ แถมยังมีสารไพรีทรอยด์ ช่วยไล่ยุงและแมลงด้วย ลักษณะเป็นไม้ล้มลุกสูงประมาณ 0.5-1.2 เมตร ใบเรียงสลับ มีทั้งรูปกลม รูปไข่ และรูปหอก โคนใบตัด ปลายใบแหลม ขอบใบเว้า แผ่นใบหยาบ มีเส้นกลางใบและเส้นแขนงใบชัดเจน ดอกออกเป็นช่อตามปลายกิ่ง เดิมทีมีสีเหลืองสีเดียว แต่ปัจจุบันพัฒนาจนมีหลากสีมากขึ้น นิยมขยายพันธุ์ด้วยการปักชำและแยกหน่อ ชอบดินร่วนปนทรายที่ระบายน้ำดี ชอบแสงแดดจัดโดยตรง และชอบน้ำมากเพราะคายน้ำสูง จึงควรรดน้ำบริเวณโคนต้นทั้งช่วงเช้าและช่วงเย็น

 

 

 

3. พิทูเนีย พิทูเนีย (Petunia)

มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Petunia hybrida Vilm. เป็นต้นไม้ไล่แมลงชนิดหนึ่ง สามารถกำจัดได้ทั้งแมลง เพลี้ย หนอน และศัตรูพืชอื่น ๆ ลักษณะเป็นไม้ล้มลุกทรงพุ่มเตี้ย สูงประมาณ 30 เซนติเมตร ใบเป็นรูปไข่ ปลายใบแหลม ขอบใบเรียบ ดอกออกตามปลายกิ่งตลอดทั้งปี ขอบกลีบหยัก มีหลายสี เช่น ม่วง ชมพู และขาว นิยมขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด ชอบดินร่วนหรือดินทรายที่ระบายน้ำดีและผสมขุยมะพร้าวเป็นพิเศษ ต้องการน้ำวันละ 1-2 ครั้ง และต้องการแสงแดดจัดมาก

 

 

 

4. เจอราเนียม เจอราเนียม (Geranium)

มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Pelargonium x hortorum L.H. Bail มีต้นกำเนิดมาจากแอฟริกาใต้และออสเตรเลีย ลักษณะเป็นไม้พุ่ม สูงประมาณ 60 เซนติเมตร ใบเป็นใบเดี่ยว ทรงกลม ขอบใบหยัก ส่วนดอกออกเป็นช่อ กลีบดอกมนบ้าง แหลมบ้าง มีหลายสี เช่น ขาว ชมพู แดง ส้ม และม่วง หรือบางครั้งก็มีสองสีในดอกเดียวกัน นิยมขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ดและปักชำ ชอบดินร่วนปนทรายที่ผสมใบไม้ผุหรือเปลือกถั่ว และชอบอากาศค่อนข้างเย็น

 

 

 

5. แพนซีหรือหน้าแมว หน้าแมวหรือแพนซี (Pansy)

มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Viola tricolor var. hortensis เป็นไม้ดอกสวยที่จะปลูกในกระถางก็ได้ จะปลูกในสวนหินก็ดี จะปลูกเป็นไม้ประดับก็เด่น ปัจจุบันนิยมปลูกอยู่ 5 สายพันธุ์ ลักษณะเป็นไม้ทรงเตี้ย ใบเป็นรูปหัวใจ ส่วนดอกมี 5 กลีบซ้อนกัน ปลายติ่งแหลมห้อยท้ายดอก มีทั้งสีพื้นและสีแต้ม นิยมปลูกด้วยการเพาะเมล็ด โดยควรปลูกในหน้าหนาว ถ้าหากปลูกในกระถางสามารถปลูกได้ 3-5 ต้น ชอบดินที่เก็บความชื้นดีและมีการคลุมดิน และชอบแสงแดดรำไร

 

 

 

6. ไฮเดรนเยีย ไฮเดรนเยีย (Hydrangea)

มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Hydrangea macrophylla (Thunb.) Ser. เป็นดอกไม้ที่สวยงาม สดใส และความหมายดี สื่อถึงความนุ่มนวล น่าสัมผัส และแทนคำขอบคุณ คนไทยหลายคนรู้จักในชื่อ ดอกสามเดือน หรือดอกหกเดือน ลักษณะเป็นไม้ดอกอายุหลายปี ทรงพุ่มกว้าง สูงประมาณ 1-3 เมตร ใบเป็นรูปไข่ ปลายใบแหลม โคนใบมน ขอบใบหยัก เนื้อใบกว้างและหนา ดอกออกเป็นช่อตามปลายยอด มีสีแตกต่างกันตามสายพันธุ์ ส่วนใหญ่มีสีขาว แดง ชมพู ม่วง และฟ้า ที่สำคัญสามารถเปลี่ยนสีได้ตามค่าความเป็นกรด-ด่างของดิน และปริมาณฟอสฟอรัสกับโพแทสเซียม นิยมปลูกด้วยการปักชำในหน้าร้อนหรือหน้าฝน ชอบแสงแดดรำไร ชอบอากาศเย็น ชอบน้ำไม่มาก ให้รดแค่วันละ 1 ครั้ง ในตอนเช้า

 

 

 

7. แคคตัส แคคตัสหรือกระบองเพชร (Cactus)

มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Mila sp. เป็นต้นไม้ทนต่อทุกสภาพอากาศ บ้างเชื่อว่าเป็นต้นไม้มงคล หากปลูกในทิศตะวันตกจะนำโชคลาภมาให้ พร้อมปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายและภัยอันตรายไปในตัว ปัจจุบันมีมากกว่า 2,000 สายพันธุ์ ลักษณะเป็นไม้พุ่มขนาดเล็กถึงกลาง สูงตั้งแต่ 30 เซนติเมตรขึ้นไป ลำต้นมีทั้งกลมเตี้ยและกระบอกสูง หนามมีทั้งแข็งและอ่อน ส่วนสีจะขึ้นอยู่กับสายพันธุ์หรือสภาพอากาศ ดอกมักออกเป็นดอกเดี่ยวไม่มีก้าน มีทั้งสีแดง ชมพู เหลือง และขาว นิยมปลูกด้วยการเพาะเมล็ดและปักชำ ทว่าปักชำจะเห็นผลง่ายและเร็วที่สุด ชอบทั้งแสงแดดโดยตรงและแสงแดดรำไร ต้องการน้ำน้อยแต่ต้องต่อเนื่อง ควรรดสัปดาห์ละ 1 ครั้ง หรือเมื่อหน้าดินแห้ง พร้อมทั้งบำรุงด้วยปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยสำหรับแคคตัสเป็นประจำ และอย่าลืมตัดส่วนที่เน่าเสียทิ้งด้วย

 

 

 

8. คลาสซูล่า คลาสซูล่า (Crassula)

หรือที่หลายคนรู้จักในชื่อต้นใบเงิน หรือต้นไม้สวรรค์ เป็นต้นไม้อวบน้ำรูปทรงสวย เหมาะปลูกแต่งบ้าน แต่งสวน ปัจจุบันมีมากกว่า 300 สายพันธุ์ ลักษณะลำต้นตั้งตรงเป็นทรงพุ่ม ใบอวบกลมขนาดเล็ก ออกซ้อนกัน ขอบสีแดง ผิวมันเงา ส่วนดอกออกหน้าหนาว มีสีขาวและสีชมพู เลี้ยงง่าย ดูแลไม่ยาก ทนร้อนทนแล้งค่อนข้างดี แต่ระวังอย่าให้โดนแสงแดดทั้งวัน ไม่งั้นอาจจะใบไหม้หรือเน่าตาย ชอบดินที่ค่อนข้างแห้ง และต้องการน้ำแค่ตอนดินแห้งเท่านั้น

 

 

 

9. ลิ้นมังกร ลิ้นมังกร (Snake plant หรือ Mother-in-law’s tongue)

มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Sansevieria trifasciata Prain ต้นกำเนิดมาจากแอฟริกาใต้ เป็นไม้ล้มลุกอายุหลายปี หัวเป็นข้อปล้องสั้น ๆ อยู่ใต้ดิน ส่วนใบตั้งตรง รูปหอก ปลายใบแหลม ขอบใบเรียบ เนื้อใบค่อนข้างแข็งและหนา อาจจะบิดเป็นเกลียวเล็กน้อย ออกสีเขียวเข้มปนเทา พร้อมมีสีเขียวอ่อนคั่นเป็นระยะ แถมมักจะมีลวดลายด้วย นิยมขยายพันธุ์ด้วยการปักชำและแยกกอ ชอบแสงแดดจัด ชอบน้ำน้อย ทนแล้งได้ค่อนข้างดี

 

 

 

10. พลูด่าง พลูด่าง (Golden Pothos)

มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Epipremnum aureum เป็นไม้ประดับใบใหญ่และดก แถมสีสวยสดใส จึงนิยมปลูกจัดสวนและปลูกในแจกัน ลักษณะเป็นไม้เลื้อย ลำต้นกลมเป็นข้อ ๆ ใบเป็นใบเดี่ยวรูปหัวใจ โคนใบมน ตรงกลางเว้า ปลายใบแหลม แผ่นใบเรียบ ขอบใบเรียบ เนื้อใบหนาและอวบน้ำ มีสีเดียวหรือหลายสีก็ได้ ส่วนดอกออกเป็นช่อ ร่วงง่าย มีหลายสี เช่น เหลือง เขียว และม่วงแดง นิยมขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ดและปักชำ แต่ส่วนใหญ่จะปักชำบ่อยสุด เพราะติดเร็วและตายน้อย ปลูกง่าย ดูแลไม่ยาก มีความทนทานสูง โตได้ดีในดินทุกสภาพ ทว่าชอบดินที่ผสมวัตถุอินทรีย์เป็นพิเศษ ไม่ชอบแดดจัด ไม่ทนความร้อน ต้องการน้ำเป็นประจำ ประมาณ 3 วัน/ครั้ง และอย่าลืมหาไม้ค้ำให้ต้นเลื้อยพันด้วย