TikTok แบนฟิลเตอร์บิวตี้ ตาโต เปลี่ยนสีผิว สำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี เพื่อเป็นการปกป้องสุขภาพจิตของเด็กวัยรุ่น โดยแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย TikTok กำลังเผชิญกับแรงกดดันเพื่อให้มีการปรับปรุงความปลอดภัย หลังประกาศแผนปิดกั้นผู้ใช้งานที่มีอายุต่ำกว่า 13 ปี ไม่ให้สมัครใช้บริการ นอกจากนี้ วัยรุ่นยังต้องเผชิญกับข้อจำกัดใหม่ ๆ ในการใช้ฟิลเตอร์ความงามบิวตี้บน TikTok อีกด้วยนะคะ

 

 

 

 

เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับความวิตกกังวลความมั่นใจตนเองที่ลดลงนั่นเองค่ะ และในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ผู้ใช้งานที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี จะถูกบล็อกจากการใช้ฟิลเตอร์ที่ทำให้ดวงตาโตขึ้น ปากอวบอิ่ม และปรับผิวให้เรียบเนียน หรือเปลี่ยนสีผิวนะคะข้อจำกัดนี้จะใช้กับฟิลเตอร์ เช่น “Bold Glamour” ที่เปลี่ยนลักษณะใบหน้าของเด็กในลักษณะที่เครื่องสำอางไม่สามารถทำได้ ในขณะที่ฟิลเตอร์ตลก เช่น หูกระต่ายหรือจมูกสุนัข จะยังคงไม่เปลี่ยนแปลง

บริษัทโซเชียลมีเดียยักษ์ใหญ่ที่มีผู้ใช้กว่าพันล้านคนได้ประกาศการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ ระหว่างการประชุมด้านความปลอดภัยที่สำนักงานใหญ่ในยุโรปที่ดับลิน โดยมีความกังวลอย่างกว้างขวางว่า ฟิลเตอร์บิวตี้ ซึ่งบางส่วนจัดหาโดย TikTok และบางส่วนสร้างโดยผู้ใช้ ทำให้วัยรุ่น โดยเฉพาะเด็กผู้หญิง กดดันให้มีรูปลักษณ์ภายนอกที่เรียบร้อยพร้อมผลกระทบทางอารมณ์เชิงลบ บางคนอธิบายว่าหลังจากใช้ฟิลเตอร์ พวกเขาพบว่าใบหน้าจริงของตัวเองดูน่าเกลียดกว่าความเป็นจริง

 

 

 

 

TikTok ยังประกาศว่ากำลังเข้มงวดระบบเพื่อบล็อกผู้ใช้อายุต่ำกว่า 13 ปีออกจากแพลตฟอร์ม ซึ่งอาจหมายความว่าเด็กชาวอังกฤษหลายพันคนจะถูกระงับใช้ TikTok แม้ว่าสมัครบริการ TikTok แล้วก็ตาม ภายในก่อนสิ้นปี บริษัท TikTok จะเปิดทดลองระบบอัตโนมัติใหม่ที่ใช้ Machine Learning ตรวจจับผู้ที่โกงอายุ ด้วยการเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้น พร้อมกับกฎระเบียบที่เข้มงวดขึ้นเกี่ยวกับการใช้โซเชียลมีเดียของผู้เยาว์ในสหราชอาณาจักร ที่กำลังจะเกิดขึ้นในปีใหม่นี้ ภายใต้กฎหมายความปลอดภัยออนไลน์ แพลตฟอร์มนี้นั้นจะลบบัญชีถึง 20 ล้านบัญชีทุกไตรมาสทั่วโลกเนื่องจากอายุไม่ถึงเกณฑ์นั่นเองค่ะ

 

 

 

 

สำหรับผู้ที่ถูกบล็อกโดยไม่ถูกต้องสามารถยื่นอุทธรณ์ได้ เซ็ตเตอร์ได้กล่าวไว้ว่า “มันอาจน่ารำคาญสำหรับคนหนุ่มสาวบางคน” แต่เธอก็กล่าวเสริมว่าแพลตฟอร์มจะใช้วิธีการ “ความปลอดภัยเป็นอันดับแรก” ค่ะ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ที่มา  – Theguardian