บทความนี้จะมานำเกี่ยวกับเรื่อง 10 ประเทศที่สงบสุขที่สุดในโลก 2025 กันนะคะ แม้ว่าในปี 2025 นี้ ความขัดแย้งทั่วโลกจะทวีความรุนแรงและสถานการณ์ระหว่างประเทศตึงเครียดมากแค่ไหน ก็จะมีเพียงไม่กี่ประเทศที่ยังคงรักษาความสงบและเสถียรภาพระยะยาวไว้ได้นะคะ

 

โดยสถาบันเศรษฐกิจและสันติภาพ (Institute for Economics & Peace) เผยแพร่ดัชนีสันติภาพโลก (Global Peace Index – GPI) พบว่าไอซ์แลนด์ครองอันดับ 1 ต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2008 ตามมาด้วยไอร์แลนด์และนิวซีแลนด์ ส่วนออสเตรียและสิงคโปร์อยู่ในอันดับ 4 และ 6 ตามลำดับนะคะ

 

ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า เหตุที่ประเทศเหล่านี้ครองอันดับสูงเป็นเวลานาน มาจากเครือข่ายความปลอดภัยทางสังคม นโยบายความเป็นกลางทางการทูต และความเชื่อใจระหว่างประชาชนที่สูงมากนั่นเองค่ะ ตามรายงานของ BBC จำนวนความขัดแย้งระหว่างประเทศในปีนี้พุ่งสูงสุดตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 โดยในปี 2025 เพียงปีเดียวเกิดความขัดแย้งขึ้นใหม่ถึง 3 ครั้ง

 

หลายประเทศเลือกเร่งเพิ่มกำลังทหาร แต่ในไอซ์แลนด์ ไอร์แลนด์ นิวซีแลนด์ ออสเตรีย และสิงคโปร์ รัฐบาลและสังคมยังคงมุ่งส่งเสริมสันติภาพและความปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง แสดงความต่างอย่างชัดเจนกับสถานการณ์โลกในปัจจุบันนั่นเองค่ะ พร้อมแล้วตามมาดูรายละเอียดกันเลยค่ะ

 

 

10 ประเทศที่สงบสุขที่สุดในโลก 2025

 

 

 

1. ไอซ์แลนด์

ไอซ์แลนด์ มีจุดแข็งก็คือ ความสามัคคีในชุมชนและความเท่าเทียมทางเพศ โดยไอซ์แลนด์ครองอันดับ 1 ประเทศที่สงบสุขที่สุดในโลกต่อเนื่อง 17 ปี และในปีนี้ยังนำโด่งในด้านความปลอดภัย ความขัดแย้ง และการทหารอีกด้วยนะคะ

ชาวไอซ์แลนด์ เล่าว่า แม้ฤดูหนาวจะหนาวจัด แต่วัฒนธรรมชุมชนทำให้รู้สึกอุ่นใจ สามารถเดินเล่นในตอนกลางคืนอย่างปลอดภัย เด็กทารกมักนอนหลับในรถเข็นกลางแจ้ง และตำรวจท้องถิ่นก็ไม่พกอาวุธปืน ผู้หญิงในไอซ์แลนด์ได้รับการคุ้มครองสูงภายใต้นโยบายความเท่าเทียมทางเพศ สร้างความรู้สึกปลอดภัยทั่วไปให้แก่ชุมชน

ชาวเมืองแนะนำให้นักท่องเที่ยวสัมผัส “ไอซ์แลนด์แท้จริง” ผ่านการเข้าร่วมสระน้ำร้อน การเดินป่า และกิจกรรมดนตรี-ศิลปะ

 

2. ไอร์แลนด์

ไอร์แลนด์ จากความขัดแย้งสู่ความช่วยเหลือในสังคม แม้ไอร์แลนด์เคยเผชิญความวุ่นวายยาวนาน แต่ปัจจุบันกลายเป็นสัญลักษณ์ของสันติภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการลดความเป็นทหารและการรักษาความเป็นกลาง ไอร์แลนด์เป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศในยุโรปที่ไม่ได้เป็นสมาชิกนาโต และมักใช้วิธีการทูตในการจัดการข้อพิพาทระหว่างประเทศ

ชาวเมืองเน้นย้ำว่า การสนับสนุนทางสังคมและความเอาใจใส่ในชุมชนทำให้ผู้มาเยือนรู้สึกอบอุ่น “ที่นี่ผู้คนมักยื่นมือช่วยเหลือคนแปลกหน้า ชีวิตเป็นไปอย่างช้า ๆ มีประเพณีเล่าขานเรื่องราวและพูดคุยกัน ทำให้สัมผัสได้ถึงความผูกพันระหว่างคนกับคน”

 

3. นิวซีเเลนด์

นิวซีแลนด์ จุดแข็งคือ การควบคุมอาวุธปืนเข้มงวดและความผูกพันกับธรรมชาติ นิวซีแลนด์ปีนี้ขึ้นสู่อันดับ 3 ของโลก จากความปลอดภัยภายในประเทศที่ดีขึ้นและการประท้วงทางการเมืองที่ลดลง ประเทศนี้มีกฎหมายควบคุมอาวุธปืนเข้มงวดที่สุดแห่งหนึ่งในโลก เด็ก ๆ สามารถเดินไปโรงเรียนอย่างปลอดภัย บ้านหลายหลังไม่ต้องล็อกประตู และผู้คนบนท้องถนนมักหยุดช่วยเหลือคนแปลกหน้า

นอกจากระบบสาธารณสุขและสวัสดิการที่ครบครัน นิวซีแลนด์ยังให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์กับธรรมชาติ ตั้งแต่การเดินเล่นชายหาดจนถึงการเดินป่าในป่าไม้ สร้างความสงบทั้งกายและใจ ชาวเมืองบอกว่า “พลังแท้จริงของนิวซีแลนด์อยู่ที่ผู้คนและวัฒนธรรมชาวเมารี ไม่ใช่แค่ทิวทัศน์”

 

4. ออสเตรีย

ออสเตรีย จุดแข็งคือ นโยบายความเป็นกลางสร้างความมั่นคง แม้อันดับของออสเตรียปีนี้ลดลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 4 แต่ยังคงติดอันดับสูงสุด รัฐธรรมนูญกำหนดให้ออสเตรียมีนโยบายความเป็นกลาง หลีกเลี่ยงพันธมิตรทางทหาร ทำให้สามารถนำทรัพยากรไปลงทุนด้านสวัสดิการ สาธารณสุข และการศึกษา

ชาวเมืองเล่าว่า แม้ยามเที่ยงคืนก็สามารถเดินเล่นริมน้ำได้อย่างปลอดภัย บ้านหลายหลังไม่ต้องล็อกประตู จักรยานสามารถจอดได้ทั่วโดยไม่ต้องกังวล ความรู้สึกปลอดภัยนี้ยังส่งต่อไปถึงนักท่องเที่ยว “เพียงอยู่ไม่กี่วันก็สัมผัสได้ว่าความเครียดหายไป และกลับมาสู่จังหวะชีวิตที่เรียบง่ายอีกครั้ง”

 

5. สวิตเซอร์แลนด์

 

6. สิงคโปร์

สิงคโปร์ ประเทศเดียวในเอเชียที่ติดอันดับท็อป 10 สิงคโปร์ยังคงอยู่ในอันดับ 6 ของโลก เป็นประเทศเดียวในเอเชียที่ติดท็อป 10 (ญี่ปุ่นและมาเลเซียอยู่ในอันดับ 12 และ 13 ตามลำดับ) แม้ว่าการใช้จ่ายด้านกองทัพของสิงคโปร์จะสูงติดอันดับโลก แต่ด้วยความมั่นคงภายในประเทศและอัตราอาชญากรรมต่ำ ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่รู้สึกปลอดภัยอย่างสูง

หลายคนเน้นย้ำว่า แม้ในยามดึกก็สามารถเดินเล่นได้อย่างสบายใจ และประชาชนมีความเชื่อมั่นต่อระบบสังคมสูง แม้ว่าสิทธิของกลุ่ม LGBT+ ยังถือว่าค่อนข้างอนุรักษ์นิยม แต่กิจกรรมเช่น “Pink Dot” แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มความก้าวหน้าทางสังคม โดยคนรุ่นใหม่กำลังผลักดันความครอบคลุมมากขึ้น ชาวเมืองแนะนำให้นักท่องเที่ยวลองสัมผัสประสบการณ์เดินเล่นยามดึก ลิ้มรสอาหารตลาดกลางคืน หรือเข้าร่วมกิจกรรมในสวนสาธารณะตอนเที่ยงคืน เพื่อรับรู้ความรู้สึกพิเศษของ “ความปลอดภัยพร้อมอิสรภาพ”

 

7. โปรตุเกส

 

8. เดนมาร์ก

 

9. สโลวีเนีย

 

10. ฟินแลนด์