บทความนี้จะมานำเสนอเกี่ยวกับเรื่อง เตือนภัยออนไลน์ กลโกงแนบเนียนที่คนไทยอาจโดนโดยไม่รู้ตัว 2025 กันนะคะ ต้องยอมรับเลยนะคะว่า ในยุคนี้กลโกงออนไลน์มาในหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น หลอกโอนเงินบ้าง ปลอมตัวเป็นเจ้าหน้าที่บ้าง หรือแม้แต่ทำเว็บปลอมก็มีนะคะ เพราะฉะนั้นแล้วเราจึงจำเป็นต้องมาอัปเดตให้รู้เท่าทันจะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อแบบไม่รู้ตัวนั่นเองค่ะ พร้อมแล้วตามมาดูกันเลยค่ะว่า เตือนภัยออนไลน์ กลโกงแนบเนียนที่คนไทยอาจโดนโดยไม่รู้ตัว 2025 จะมีอะไรบ้างนะคะ

 

เตือนภัยออนไลน์ กลโกงแนบเนียนที่คนไทยอาจโดนโดยไม่รู้ตัว 2025

 

 

 

– AI สร้างสลิปโอนเงินปลอม

ตอนนี้ใคร ๆ ก็โอนเงินผ่านมือถือเพราะสะดวกกว่าเยอะ แต่เวลาใครโชว์สลิปให้เราดูว่าโอนแล้ว ต้องดูดี ๆ เพราะสลิปปลอมทำได้ง่ายมากๆ AI ก็ทำได้นะคะ ดังนั้นเวลาที่เรารับเงินโอนแล้ว ก็ต้องดูดี ๆ จะได้ไม่โดนหลอก ซึ่งวิธีตรวจสอบสลิปปลอมก็สามารถทำได้ดังนี้ค่ะ

วิธีตรวจสอบสลิปปลอม

1. สังเกตรายละเอียดของตัวเลข และตัวหนังสือ สิ่งแรกที่ควรทำเมื่อได้รับสลิปโอนเงิน คือการตรวจสอบละเอียดบนสลิป เช่น ชื่อผู้โอน จำนวนเงิน และวัน-เวลาในการทำรายการ หากพบความผิดปกติ เช่น ตัวอักษร บางส่วน หนา-บางไม่เท่ากัน ฟอนต์ดูแปลกตา หรือมีการจัดวางตัวอักษรที่ไม่ตรงกัน ก็ควรตั้งข้อสงสัยไว้ก่อนเลยว่า สลิปที่ได้เป็นของปลอม

2. ใช้บริการแจ้งเตือนของธนาคาร สมัครใช้บริการแจ้งเตือนทาง SMS หรืออีเมล เมื่อมีการทำธุรกรรมทางการเงินจาก โดยบริการนี้ธนาคารของเราจะส่งข้อความแจ้งเตือนเราทุกครั้งที่มีการโอนเงินเข้าบัญชี

3. สแกน QR Code บนสลิป บนสลิปโอนเงิน จะมี QR code อยู่ เราสามารถใช้แอปพลิเคชันธนาคารสแกน QR Code นี้เพื่อดูรายละเอียดการทำธุรกรรมได้ หากพบว่าข้อมูลที่สแกนไม่ตรงกับข้อมูลบนสลิป เช่น ยอดเงินไม่ตรงกัน หรือ QR Code ไม่สามารถสแกนได้ ก็มีความเป็นไปได้สูงว่าสลิปนั้นจะเป็นของปลอม

4. ใช้ LINE เชื่อมต่อกับธนาคาร เราสามารถใช้ LINE เพื่อรับการแจ้งเตือนธุรกรรมจากธนาคารได้ โดยต้องผูกบัญชีออมทรัพย์เพื่อแจ้งยอดเงินเข้า-ออกบัญชี เมื่อมีการโอนเงินเข้ามา เราก็จะสามารถตรวจสอบยอดในสลิปได้ทันทีโดยเลื่อนดูแชท

5. ใช้ระบบจัดการร้านค้าที่ช่วยตรวจสอบสลิป สำหรับคนที่มียอดสั่งซื้อจำนวนมาก และรับโอนเงินหลายรายการ ควรใช้ระบบจัดการร้านค้าที่ช้วยตรวจสอบสลิป และเช็กยอดเงินอัตโนมัติ นอกจากความถูกต้องแล้ว ยังช่วยประหยัดเวลาอีกด้วยค่ะ

6. ไม่โพสต์รูปสลิปโอนเงินในช่องทางสาธารณะ เพราะการโพสต์รูปสลิปโอนเงินในช่องทางสาธารณะ เช่น โซเชียลมีเดีย จะเปิดโอกาสให้มิจฉาชีพนำรูปไปใช้ในการสร้างสลิปปลอม เพื่อหลอกลวงคนอื่น ๆ ได้

 

 

– เว็บไซต์ M-Flow ปลอม

M-Flow ช่วยให้เราเดินทางได้สะดวกขึ้น เพราะขับผ่านไปได้เลย ไม่ต้องรอไม้กั้น แต่สิ่งที่เราต้องระวังก็คือ เว็บ M-Flow ปลอมนั่นเองค่ะ โดยทางตำรวจสอบสวนกลาง หรือ CIB ได้ออกมาเตอนว่า มีเว็บไซต์ M-Flow ปลอมระบาด ซึ่งมิจฉาชีพจะส่งลิงก์ปลอมที่มีความคล้ายคลึงลิงก์จริงมาให้เรากด พอกดเข้าไป หน้าตาเว็บไซต์ก็จะคล้ายๆ ของจริงโดยสิ่งที่คนร้ายต้องการก็คือ ข้อมูลบัตรเครดิต และข้อมูลส่วนบุคคลต่างๆ ซึ่งเว็บไซต์ M-Flow ของจริงจะต้องเป็น www.mflowthai.com เท่านั้น และถ้าใครเจอเว็บปลอมแบบนี้ก็สามารแจ้งเบาะแสได้ที่ เว็บไซต์ ตำรวจสอบสวนกลาง cib.go.th/e-service

 

– แอปหาคู่ปลอม

เล่นแอปหาคู่ยังไง ไม่ให้ถูกหลอก สำหรับเรื่องมิจฉาชีพแฝงตัวมากับแอปหาคู่ ทางตำรวจสอบสวนกลาง หรือ CIB ก็ได้เตือนเอาไว้ และได้แนะนำข้อควรระวังไว้ดังนี้

– ไม่ควรไว้ใจบุคคลอื่นง่ายๆ หากมีความจำเป็นต้องนัดเจอ ควรมีเพื่อนไปด้วย

– ระมัดระวังการเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว ไม่บอกข้อมูลทั้งหมดกับคนที่เพิ่งรู้จัก

– พึงระลึกไว้เสมอว่า อะไรที่ดีเกินไป เร็วเกินไป อาจมีความเสี่ยงที่ก่อให้เกิดความเสียหายได้ โดยเฉพาะเรื่องความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นโดยง่ายผ่านสื่อสังคมออนไลน์ และ

 

อันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากแอปหาคู่มีดังนี้

– หลอกลวงเป็นคู่รัก สร้างความไว้ใจ ทำให้เชื่อใจ จากนั้นก็หลอกเงิน

– หลอกด้วยการสร้างตัวตนปลอม แอบอ้างบุคคลมีชื่อเสียง เพื่อหวังประโยชน์ด้านต่างๆ

– หลอกให้ลงทุน หลังจากทำความรู้จักกันแล้ว เริ่มไว้ใจกันแล้ว คนร้ายก็จะหลอกชวนให้ลงทุนด้านต่างๆ แล้วหลบหนีไป

– หลอกชิงทรัพย์ ประทุษร้าย จนถึงแก่ชีวิต

 

 

– มิจฉาชีพแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ

หลอกช่วยเหลือคดี จากกรณีที่มีมิจฉาชีพส่งไลน์มาบอกว่าเป็นผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ตำรวจไซเบอร์ แล้วหลอกลวงเหยื่อว่าสามารถช่วยเหลือคดีได้ อย่างเชื่อโดยเด็ดขาดเพราะเป็นมิจฉาชีพ โดยคนร้ายจะสร้างบัญชีไลน์ปลอมขึ้นมา แอบอ้างเป็นตำรวจไซเบอร์ แล้วหลอกลวงว่าสามารถช่วยเหลือคดีได้ หลังจากนั้น ก็จะขอขอข้อมูลส่วนตัว เช่น เลขบัตรประชาชน เอกสารสำคัญเกี่ยวกับคดี ซึ่งเป็นการขโมยข้อมูลส่วนบุคคล หรือที่หนักกว่าก็คืออาจนำไปสู่การหลอกลวงเพิ่มเติมอีก ทางตำรวจไซเบอร์ เลย

 

แนะนำวิธีป้องกันตัวจากมิจฉาชีพดังนี้

– อย่ากดลิงก์จากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ โดยเฉพาะลิงก์ที่อ้างว่าเป็นหน่วยงานรัฐ หรือมีเนื้อหาเร่งให้รีบดำเนินการ

– ไม่แอดไลน์หรือโหลดแอปจากแหล่งที่ไม่รู้จัก

– ไม่ให้ข้อมูลส่วนตัวทางโทรศัพท์หรือแชต เช่น เลขบัตรประชาชน เลขบัญชี หรือรหัส OTP

– ตรวจสอบกับหน่วยงานจริงก่อนเชื่อ โทรสอบถามหน่วยงานทางหมายเลขที่ประกาศไว้ในเว็บไซต์ทางการ และหากใครเจอแบบนี้ ก็สามารถสอบถามได้ตำรวจไซเบอร์ สายด่วน 1441 ตลอด 24 ชั่วโมงเลยนะคะ

มิจฉาชีพแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ช่วงวันหยุดยาว เราก็ได้พักยาวก็จริง แต่มิจฉาชีพนั้นดันไม่หยุดค่ะ ขยันหามุกมาหลอกเรา ตำรวจไซเบอร์ได้ออกมาเตือนให้เราระวังมิจฉาชีพที่ฉวยโอกาสช่วงวันสงการณ์หามุกมาหลอกเราไว้ดังนี้

– Link หลอกพัสดุตกค้าง คนร้ายจะอ้างว่าจัดส่งพัสดุไม่ทัน เพราะเป็นวันหยุดยาวช่วงสงกรานต์ ทำให้เหยื่ออาจหลงเชื่อว่าเป็นความจริง ดังนั้นถ้าเราเจอแบบนี้ อย่าคลิกลิงก์ที่ไม่รู้จัก แล้วตรวจสอบเลขพัสดุกับบริษัทโดยตรงจะดีกว่า

– คอลเซ็นเตอร์ปลอมอ้าง ภาษีหรือการกระทำผิดวันสงกรานต์ ทั้งค่าที่พัก ค่าเดินทาง เจอแบบนี้อยากหลงเชื่อ เพราะหน่วยงานจริงจะไม่โทรขอข้อมูลส่วนตัว และอย่าโหลดแอปจากปลายสายเด็ดขาด

– หลอกขอรับบริจาค โพสต์หรือแชร์ข่าวเศร้า เช่น อุบัติเหตุ หรือเด็กกำพร้าต้องการเงินช่วยเหลือด่วน “สายบุญและคนใจดี” พึงระวัง เพราะอาจเป็นของปลอมมาหลอกเรา เราจึงต้องตรวจสอบแหล่งข่าว และชื่อมูลนิธิก่อนเสมอ

 

 

– เว็บจองทริปปลอมอยากเที่ยวต่อ…เห็นโปรแรงเลยรีบจอง

แต่ถ้าไม่ตรวจสอบให้ดีอาจเป็นทริปปลอม เสียเงินฟรี!! ดังนั้นเราต้องตรวจสอบเว็บและข้อมูลโรงแรมก่อนจองทุกครั้ง และใช้ช่องทางชำระเงินที่ปลอดภัย – แฮกบัญชี Line / Facebook ขอยืมเงิน หลังสงกรานต์ คนมักโพสต์รูปเที่ยวเยอะมาก คนร้ายอาจจะดูพฤติกรรมและแฮกบัญชี เพื่อทักไปหาเพื่อนหรือญาติของเหยื่อ เพื่อขอ “ยืมเงินฉุกเฉิน” วิธีป้องกันไม่ให้โดนแฮกคือ ตั้งรหัสผ่านที่คาดเดายาก, เปิด 2FA และ โทรเช็กก่อนโอนทุกครั้ง