บทความนี้จะมานำเสนอเกี่ยวกับเรื่อง หลังรัฐบาลยุบสภา คนละครึ่งพลัสเฟส 2 & บัตรสวัสดิการฯ รอบใหม่ ยังได้อยู่ไหม ? กันนะคะ สำหรับคนละครึ่งพลัสเฟส 2 & บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะเป็นยังไงต่อ หลังรัฐบาลยุบสภากะทันหัน ? พร้อมแล้วตามมาดูรายละเอียดกันเลยค่ะ
หลังรัฐบาลยุบสภา คนละครึ่งพลัสเฟส 2 & บัตรสวัสดิการฯ รอบใหม่ ยังได้อยู่ไหม ?

ณ. ปัจจุบันนี้เมืองไทย เข้าสู่โหมดรัฐบาลรักษาการเต็มตัวแล้วนะคะ หลังประกาศยุบสภาเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2568 ที่ผ่านมา ส่งผลให้หลายโครงการสำคัญที่เตรียมเสนอต่อคณะรัฐมนตรีต้องหยุดชะงักลงทันทีค่ะ โดยเฉพาะโครงการเศรษฐกิจที่ประชาชนจับตากันอยู่ ได้แก่ คนละครึ่งพลัสเฟส 2 และบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ รอบใหม่ ที่ต่างไม่สามารถเข้าสู่การพิจารณาของ ครม. ได้ทันตามกำหนดนั่นเองค่ะ
ซึ่งการยุบสภากระทบตรง โครงการคนละครึ่งพลัสเฟส 2 เดินหน้าต่อไม่ได้แน่นอนแล้วนะคะ เมื่อเวลา 07.05 น. วันที่ 12 ธันวาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า โครงการ คนละครึ่งพลัสเฟส 2 จำเป็นต้อง “หยุดดำเนินการไว้ก่อน” เนื่องจากติดข้อจำกัดตามกฎหมายเลือกตั้ง แม้เดิมจะเตรียมนำเข้า ครม. ภายในวันที่ 16 ธันวาคม 2568 แต่การประกาศยุบสภาเกิดขึ้นก่อน ทำให้ไม่สามารถพิจารณาได้ตามแผน
นายภราดรย้ำว่า แม้เนื้อหาโครงการจะพร้อมแล้ว แต่เมื่อเข้าสู่สถานะรัฐบาลรักษาการ จะไม่สามารถอนุมัติโครงการใหม่ที่มีผลผูกพันรัฐบาลชุดหน้าได้ เว้นแต่จะได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)
บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ–TISA ชะงักยกชุด แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า การยุบสภามีผลให้โครงการใหญ่หลายรายการต้องหยุดชั่วคราว เช่น
– บัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ เดิมจะเสนอต่อ ครม. ในเดือนธันวาคม 2568 และเปิดลงทะเบียนปี 2569
– โครงการบัญชีการออมและการลงทุนส่วนบุคคล (TISA) ที่ผ่าน ครม. เศรษฐกิจไปแล้ว แต่ยังไม่เข้าครม. ชุดใหญ่ ทั้งหมดนี้ไม่สามารถเดินหน้าต่อได้ เนื่องจากยังไม่ผ่านการอนุมัติจาก ครม. ก่อนวันที่พระราชกฤษฎีกายุบสภามีผล

รัฐบาลรักษาการ ถูกจำกัดอำนาจ 4 ข้อหลัก เมื่อเข้าสู่สถานะรัฐบาลรักษาการ ครม. จะถูกจำกัดอำนาจสำคัญ 4 ประการ ได้แก่
– ห้ามอนุมัติโครงการที่ผูกพันรัฐบาลชุดใหม่หรือเป็นสัญญาระยะยาว
– ห้ามแต่งตั้งหรือโยกย้ายข้าราชการระดับสูง เว้นแต่ได้รับความเห็นชอบจาก กกต.
– ห้ามใช้งบกลาง เว้นแต่จำเป็นเร่งด่วนและต้องผ่าน กกต.
– ห้ามใช้ทรัพยากรของรัฐเพื่อเอื้อประโยชน์ทางการเมืองหรือหาเสียง
ในระหว่างที่เกิดเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา ภายในประเทศก็เข้าสู่ภาวะการเมืองเปลี่ยนผ่าน ทำให้โครงการช่วยเหลือประชาชนหลายโครงการต้องหยุดเพื่อรอรัฐบาลใหม่เข้ามาพิจารณาอีกครั้ง ทั้งนี้ นายภราดรยืนยันว่า แม้รัฐบาลจะเข้าสู่สถานะรักษาการ แต่ยังมีหน้าที่ดูแลสถานการณ์เร่งด่วนและภัยพิบัติต่างๆ ได้ตามปกติ จนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่เข้ามาทำหน้าที่อย่างเป็นทางการนะคะ
