บทความนี้จะมานำเสนอเกี่ยวกับเรื่อง รู้ก่อนเลี้ยวผิด ความแตกต่างของ ป้ายทางด่วน สีเขียว กับ สีฟ้ากันนะคะ ปกติหากคุณขับรถบนทางด่วนจะมีป้ายบอกทางอยูเป็นระยะๆ เพื่อบอกว่ากำลังจะไปทางไหน แต่เคยสังเกตไหมคะว่า ป้ายบอกทางนั้นมีทั้งพื้นหลังสีเขียวและสีฟ้านะคะ พร้อมแล้วตามมาดูกันเลยค่ะว่า ความแตกต่างของ ป้ายทางด่วน สีเขียว กับ สีฟ้า นั้นจะเป็นอย่างไรนะคะ

เมื่อคุณเห็นป้ายบอกทางพื้นหลังสีเขียว ให้จำไว้เลยว่าคุณกำลังจะเข้าสู่ “ทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง” หรือที่เรียกกันติดปากว่า “มอเตอร์เวย์” โดยป้ายแบบนี้ถูก ออกแบบมาเพื่อการเดินทางระยะไกลด้วยความเร็วสูง เชื่อมต่อระหว่างจังหวัดและภูมิภาคต่างๆ เป็นเส้นทางหลักสำหรับการขับรถไปต่างจังหวัด

โดยหน่วยงานที่ดูแลกรมทางหลวง (Department of Highways) ป้ายนี้มักจะอยู่บนถนนขนาดใหญ่ มีจุดพักรถ (Rest Area) ให้บริการเป็นระยะๆ และมักจะใช้ระบบเก็บค่าผ่านทางแบบใหม่ๆ เช่น M-Flow ควบคู่ไปกับด่านเก็บเงินปกติ เช่น

– มอเตอร์เวย์หมายเลข 7 (กรุงเทพฯ – ชลบุรี – พัทยา)

– มอเตอร์เวย์หมายเลข 9 (ถนนวงแหวนกาญจนาภิเษก)

– หรือจะเป็นทางระหว่างเมือง เช่นถนนเอเชีย เป็นต้น

ถ้าแผนของคุณคือการขับรถทางไกลข้ามจังหวัด การมองหาป้ายสีเขียวคือคำตอบ เพราะเป็นเส้นทางที่ออกแบบมาให้วิ่งยาวๆ ทำความเร็วได้ต่อเนื่อง และมีจุดแวะพักที่สะดวกสบายนั่นเองค่ะ

อีกป้ายที่สามารถบอกได้ว่า ทางไปทางไหนแต่มีพื้นหลังสีฟ้า แสดงว่าคุณกำลังใช้บริการ “ทางพิเศษ” หรือที่เรารู้จักกันดีในชื่อ “ทางด่วน” จุดประสงค์หลักคือ สร้างขึ้นเพื่อแก้ปัญหาการจราจรติดขัดในเขตเมืองโดยเฉพาะ เน้นการเดินทางที่รวดเร็วภายในกรุงเทพมหานครและจังหวัดปริมณฑล โดยมีหน่วนงานตูและ การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (EXAT) ข้อสังเกตว่า ป้ายนี้มักจะเส้นทางส่วนใหญ่เป็นทางยกระดับ วิ่งผ่านใจกลางเมือง มีทางขึ้น-ลงหลายจุดเพื่อเชื่อมต่อกับถนนสายสำคัญๆ และเก็บค่าผ่านทางทุกเส้นทาง รวมถึงก่อนทางขึ้นทางด่วนเส้นต่างๆ หรือจะเจอตามทางด่วนตัวอย่างเช่น

– ทางพิเศษเฉลิมมหานคร (ดินแดง – บางนา – ท่าเรือ)

– ทางพิเศษศรีรัช (บางซื่อ – พญาไท – บางโคล่)

ดังนั้นหากคุณต้องการทางลัดเพื่อตัดผ่านโซนรถติดในกรุงเทพฯ หรือเดินทางจากชานเมืองเข้าสู่ใจกลางเมืองอย่างรวดเร็ว การมองหาป้ายสีฟ้าและขึ้น “ทางด่วน” คือทางเลือกที่ดีที่สุดนั่นเองค่ะ