บทความนี้จะมานำเสนอเกี่ยวกับเรื่อง วิธีทำลายข้อมูลเก่า ให้กู้ข้อมูลไม่ได้ ป้องกันถูกมิจฉาชีพขโมยข้อมูลส่วนบุคคลกันนะคะ ในยุคดิจิทัลที่ภัยไซเบอร์ใกล้ตัวเรามากกว่าที่คิด ข้อมูลเก่า ๆ ที่ดูเหมือนหมดความสำคัญแล้ว อาจกลายเป็นประตูเปิดทางให้มิจฉาชีพเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของเราได้ง่ายกว่าที่คิดนะคะ

ล่าสุด ศูนย์เฝ้าระวังการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล (PDPC Eagle Eye) ได้ออกมาเตือนประชาชนให้ตระหนักถึงการ “ทิ้งข้อมูลเก่าให้ถูกวิธี” เพื่อป้องกันการนำไปใช้ในทางที่ผิดค่ะ พร้อมแล้วตามมาดูรายละเอียดกันเลยค่ะ

 

วิธีทำลายข้อมูลเก่า ให้กู้ข้อมูลไม่ได้ ป้องกันถูกมิจฉาชีพขโมยข้อมูลส่วนบุคคล

 

 

 

ทำไมข้อมูลเก่าถึงอันตราย ?

หลายคนอาจคิดว่าเอกสารหรือสื่อบันทึกเก่า ๆ เป็นเพียง “ขยะ” ที่ไม่มีค่า แต่แท้จริงแล้วข้อมูลเหล่านี้อาจยังมีรายละเอียดสำคัญ เช่น ชื่อ ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ หรือข้อมูลการทำธุรกรรม ซึ่งเพียงพอให้มิจฉาชีพนำไปใช้สร้างความเสียหายได้ ไม่ว่าจะเป็นการสวมรอยเป็นเจ้าของข้อมูล หรือใช้ประกอบการโจมตีทางไซเบอร์ในรูปแบบต่าง ๆนั่นเองค่ะ

 

วิธีทำลายข้อมูลเก่า ให้ปลอดภัย เพื่อปิดช่องโหว่จากข้อมูลที่ถูกทิ้งไม่ถูกวิธี

PDPC แนะนำแนวทางทำลายข้อมูลเก่าแต่ละประเภทดังนี้

1. เอกสารเก่า

เช่น บิลค่าน้ำ ค่าไฟ ใบแจ้งหนี้ หรือเอกสารที่มีข้อมูลส่วนบุคคล

วิธีทำลายที่ถูกต้อง

ใช้เครื่องย่อยเอกสารแบบเส้นหรือแบบตัดไขว้ หากไม่มี ควรฉีกเอกสารให้เป็นชิ้นเล็ก ๆ หลายส่วน จนไม่สามารถอ่านข้อความได้

 

 

 

2. แผ่น CD/DVD แผ่นเก่าที่เคยเก็บไฟล์งาน หรือข้อมูลสำคัญไว้

วิธีทำลายที่ถูกต้อง หัก บด หรือใช้ของแข็งขูดจนเกิดรอยลึก ๆ บนผิวแผ่น เพื่อให้ไม่สามารถกู้ไฟล์กลับมาได้

 

 

 

3. แฟลชไดรฟ์ / USB เก่า

อุปกรณ์ที่หลายคนมักฟอร์แมตแล้วนำไปทิ้ง แต่ความจริงยังเสี่ยงถูกกู้ข้อมูลได้

 

 

วิธีทำลายที่ถูกต้อง หากข้อมูลสำคัญมาก ควรทำ Low-Level Format หรือหากไม่ต้องใช้งานอีก ควรถอดแยกชิ้นส่วน และทำลายแผงวงจรให้เสียหายจนใช้งานไม่ได้ สิ่งสำคัญที่สุดไม่ว่าข้อมูลจะอยู่ในรูปแบบใด คือการ ทำลายให้แน่ใจว่าไม่สามารถกู้กลับมาได้อีก เพราะข้อมูลที่เราคิดว่าไร้ค่า อาจกลายเป็นอาวุธที่ย้อนกลับมาทำร้ายเราในอนาคตได้นั่นเองค่ะ

เพราะฉะนั้นแล้ว ก่อนจะทิ้งข้อมูลเก่า ๆ อย่าละเลยขั้นตอนเล็กน้อยเหล่านี้กันนะคะ เพื่อป้องกันตัวเอง ครอบครัว และองค์กรจากภัยไซเบอร์ที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อค่ะ

 

 

 

 

 

ที่มา : ศูนย์เฝ้าระวังการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล