บทความนี้จะมานำเสนอเกี่ยวกับเรื่อง ความสำคัญของแท็กติดกระเป๋า ทำไมต้องทิ้งหลังจบการเดินทางกันนะคะ พร้อมแล้วตามมาดูรายละเอียดกันเลยค่ะ
ความสำคัญของแท็กติดกระเป๋า ทำไมต้องทิ้งหลังจบการเดินทาง

แท็กติดกระเป๋า (Baggage Tag)
คือป้ายที่สายการบินพิมพ์ติดกับสัมภาระขณะเช็กอิน ประกอบด้วย บาร์โค้ด/QR รหัสเที่ยวบิน จุดหมายปลายทาง และหมายเลขกระเป๋า โดยผู้โดยสารจะได้รับ ส่วนฉีก (claim tag) ไว้ยืนยันความเป็นเจ้าของเมื่อตรวจสอบหรือเคลมกระเป๋านั่นเองค่ะ
ความสำคัญของแท็กติดกระเป๋า

1. ยืนยันการโหลดสัมภาระ เป็นหลักฐานว่ากระเป๋าของคุณถูกโหลดขึ้นเครื่องแล้ว
2. นำทางกระเป๋าให้ถูกเส้นทาง รหัสบนแท็กบอกระบบว่าควรส่งไปเที่ยวบินใดและลงสนามบินไหน
3. ช่วยตามกระเป๋าหาย เจ้าหน้าที่ใช้บาร์โค้ดเช็กตำแหน่งล่าสุดของกระเป๋าได้
4. ตรวจสอบก่อนออกจากโถงรับกระเป๋า บางสนามบินอาจตรวจเช็กแท็กเพื่อกันหยิบผิดใบ
เหตุผลที่ควรทำลายแท็กหลังเดินทาง
– ลดความสับสนในทริปต่อไป: แท็กเก่าที่ค้างอยู่เสี่ยงให้ระบบสแกนผิดและส่งกระเป๋าไปผิดที่
– ป้องกันข้อมูลส่วนตัวรั่วไหล: แท็กอาจมีชื่อ นามสกุล รหัสการจอง และรายละเอียดการเดินทาง
– ลดความเสี่ยงการปลอมแปลง: ผู้ไม่หวังดีอาจนำแท็กไปอ้างสิทธิ์รับกระเป๋าหรือเลียนแบบเส้นทาง
วิธีทำลายแท็กอย่างปลอดภัย
– ฉีก/ตัดส่วน บาร์โค้ดและ QR ออกเป็นชิ้นเล็กๆ
– ขูด/ปิดทับข้อมูลอย่าง ชื่อ–รหัสจอง–หมายเลขเที่ยวบิน ให้พร่า
– หากมีเครื่อง ทำลายเอกสาร ให้ป้อนทั้งแผ่น
– ทิ้งเศษชิ้นส่วนแยกกัน 1–2 จุดเพื่อความปลอดภัยเพิ่ม
ควรเก็บ claim tag นานเท่าไร ?
เก็บจนมั่นใจว่าได้รับกระเป๋าครบและไม่มีเคลม โดยทั่วไป 7–14 วันหลังเดินทาง ก็เพียงพอแล้วค่ะ
ที่มา : สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย
