กิงก่องแก้ว เป็นหนึ่งในนกที่ได้รับความนิยมในประเทศไทย เนื่องจากความสวยงามและลักษณะการเป็นสัตว์เลี้ยงที่มีเสน่ห์ นกพิราบชนิดนี้มีลักษณะเด่นที่สีสันสดใส โดยเฉพาะสีสันที่หลากหลายจากการผสมพันธุ์ที่บริสุทธิ์ จนทำให้กิงก่องแก้วกลายเป็นนกที่ผู้คนหลงรักประวัติความเป็นมาของกิงก่องแก้วเราต้องย้อนไปยังสมัยก่อน ซึ่งมีการบันทึกการพบเห็นนกชนิดนี้ในหนังสือกีฬาและสัตว์ป่าหลายเล่ม นกพิราบเหล่านี้ไม่เพียงแต่มีความสวยงาม แต่ยังมีพฤติกรรมที่น่าสนใจ ทำให้เกิดความตื่นตาตื่นใจในผู้ที่ได้ชม แต่ละท้องถิ่นนำไปฝึกฝน หรือเลี้ยงเพื่อการแข่งขัน ซึ่งก่อให้เกิดความรุ่งเรืองในการเลี้ยงนกพิราบในไทยหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้กิงก่องแก้วเป็นที่ต้องการคือ ความสามารถในการเรียนรู้ และประสิทธิภาพในการส่งสาร ผ่านการฝึกฝน นกพิราบสามารถเป็นผู้ส่งสารที่เตือนภัยให้กับชุมชนได้ การเลี้ยงนกพิราบจึงถือเป็นศิลปะและวิทยาศาสตร์ที่ต้องใช้ทั้งความเข้าใจ และ ความรักในสัตว์ ดังนั้นการฝึกนกพิราบเพื่อให้เป็นกิงก่องแก้วที่สมบูรณ์แบบ จึงมีต้องใช้เวลาและความพยายามอย่างมากต้นกำเนิดของการเรียกขานนกชนิดนี้ว่า “กิงก่องแก้ว” มาจากเสียงที่นกทำในขณะที่เกาะอยู่บนต้นไม้ มักให้เสียง “กิง – ก่อง” สลับกัน ซึ่งได้ยินได้อย่างชัดเจนในตอนเช้าตรู่ นอกจากนี้ ประวัติการเลี้ยงนกพิราบในไทย สะท้อนถึงวัฒนธรรมและประเพณีท้องถิ่น โดยเฉพาะในงานเทศกาล พบได้ว่ามีการนำเสนอนกพิราบในประเพณีต่าง ๆ เช่น การแข่งขันการบินนกพิราบ, งานวัด หรือแม้กระทั่งงานประเพณีเฉลิมพระเกียรติการเลือกซื้อกิงก่องแก้วต้องพิจารณาหลายปัจจัย เช่น คนเลี้ยงมีประสบการณ์หรือไม่ และสุขภาพของนกเป็นอย่างไร โดยทั่วไปแล้วกิงก่องแก้วที่มีสุขภาพดี มักมีลักษณะของขนแน่นและเงางาม ทั้งนี้ ผู้ที่ต้องการเลี้ยงควรศึกษาวิธีการเลี้ยงและการดูแลบำรุงรักษานกพิราบให้ดีเพื่อการเลี้ยงที่เหมาะสม ผู้เลี้ยงควรต้องมีความรู้เกี่ยวนกพวกนี้ ทั้งเรื่องอาหาร, สถานที่เลี้ยง และการจัดการด้านสุขภาพ เพื่อให้กิงก่องแก้วมีคุณภาพชีวิตที่ดี และอยู่ได้นานขึ้นอย่างแข็งแรง