อุบัติเหตุคือเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้ทุกวันในชีวิตของคนเราเลยนะคะ และแน่นอนว่าคงไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น เพราะนั้นหมายถึงความเสี่ยงของชีวิตที่ต้องตั้งอยู่บนเส้นความเป็นความตายที่เท่ากัน หากโชคดีรอดชีวิตแต่ก็ใช่ว่าจะได้ร่างกายที่สมบูรณ์แบบเช่นเดิม หากโชคร้ายก็คงหลงเหลือแค่เพียงร่างกายที่ไร้ลมหายใจนั่นเองค่ะ แล้วรู้หรือไม่คะว่า ประเทศไทยติดอันดับการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนอันดับ 1 ของเอเชีย และอันดับที่ 2 ของโลกเลยนะคะ ในหนึ่งปีมีคนไทยเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนถนนเป็นจำนวนมากกว่า 11,000 คน และคาดว่าจะเพิ่มมากขึ้นอีกในอนาคต เรามาดูกันดีกว่าค่ะว่าส่วนใหญ่แล้ว สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุบนถนนมากที่สุดในไทยมีอะไรกันบ้าง
10 อันดับสาเหตุ ทำเกิดอุบัติเหตุบนถนนมากที่สุดในไทย
1. เมาแล้วขับ
หากใครที่กำลังคิดว่าตัวเองยังมีความสามารถในการขับรถ หลังจากดื่มของมึนเมาแล้วล่ะก็ ขอให้คิดไว้เสมอว่าแค่คุณก้าวขึ้นไปนั่งบนรถ นั้นหมายถึงความเสี่ยงในการจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับขั้นต่ำ 10,000 – 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ พร้อมถูกสั่งให้พักใช้ใบอนุญาตขับขี่ไม่น้อยกว่า 6 เดือน หรือเพิกถอนใบอนุญาตเลยนะคะ และลองคิดดูว่าหากเกิดอุบัติเหตุจนมีคนได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต โทษที่ได้รับจะร้ายแรงมากกว่านี้ขนาดไหน
2. ขับเร็วเกินกว่าอัตรากำหนด
กฎหมายจราจรมีการกำหนดมาตรฐานในการขับรถด้วยความเร็วไม่เกิน 80 กม./ชม. แต่สาเหตุของการขับรถด้วยความเร็วที่เกินกว่ากฎหมายกำหนด ก็ยังคงเป็นสาเหตุอันดับต้น ๆ ของการเกิดอุบัติเหตุบนถนน อันที่จริงหากผู้ใช้รถใช้ถนนให้ความใส่ใจกับอุปกรณ์ที่ติดตั้งอยู่บนถนนอย่าง ป้ายจำกัดความเร็วต่างๆ อุบัติเหตุที่เกิดจากการขับรถเร็วก็อาจจะลดลงได้
3. ตัดหน้ากระชั้นชิด
บางทีการเกิดอุบัติเหตุอาจไม่ได้มีสาเหตุมาจากผู้ขับเพียงอย่างเดียว สิ่งของหรือบุคคลที่ไม่ได้คาดคิดสามารถเกิดขึ้นด้านหน้ารถได้ตลอดเวลา ไม่มีใครจะรู้ได้ว่าอะไรจะมาเมื่อไร การเหยียบเบรกอย่างกระชั้นชิดจึงเกิดขึ้นอยู่บ่อย ๆ บางคนเบรกทันก็รอดแต่ถ้าเบรกไม่ทันก็ต้องมีเจ็บเนื้อเจ็บตัว หรือเสียชีวิตก็มีมาแล้ว สติเพียงตัวเดียวเท่านั้นที่จะสามารถช่วยลดสาเหตุนี้ได้ค่ะ
4. ทัศนวิสัยไม่เอื้ออำนวย
ด้วยความเจริญของประเทศไทยที่อยู่ในช่วงกำลังพัฒนา ภาพการก่อสร้างถนนเพื่อซ่อมแซม หรือขยายเส้นทางการเดินรถจึงเป็นภาพที่มักมีให้เห็นอยู่ทั่วประเทศ สาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุที่มาจากการก่อสร้างถนนจึงมีไม่น้อยเลยทีเดียวค่ะ และยิ่งถ้าเป็นช่วงเวลากลางคืน ทัศนวิสัยในการมองเห็นก็จะยิ่งลดลงส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่ายขึ้น เพราะฉะนั้นแล้ว ผู้ขับขี่จึงต้องมีความระมัดระวังให้มากยิ่งขึ้น ผู้ปฏิบัติงานซ่อมแซมถนนก็ต้องหาวิธีป้องกันตัวด้วย เช่น การสวมใส่ เสื้อสะท้อนแสง เพื่อเป็นสัญลักษณ์บ่งบอกให้กับผู้ใช้รถใช้ถนน สามารถสังเกตเห็นได้ชัด และเพิ่มความระมัดระวัง
5. สภาพร่างกายไม่พร้อม
คนส่วนใหญ่อาจจะไม่ทราบว่าการตื่นตัวเป็นระยะเวลาต่อเนื่องยาวนานถึง 18 ชั่วโมง จะเทียบเท่าการมีระดับแอลกอฮอล์ในเลือดเท่ากับ 0.05 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ และถ้าตื่นตัวนานถึง 24 ชั่วโมง เทียบเท่ากับระดับแอลกอฮอล์ 0.10 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์กันเลยนะคะ ซึ่งปริมาณดังกล่าวมากเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด (กฎหมายกำหนด 0.08 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ถือว่าเมาขณะขับขี่) และในประเทศไทยมีผู้ขับขี่มากกว่า 50% ที่เกิดอุบัติเหตุ เกิดจากการหลับในระหว่างการขับรถ แค่เพียง 4 วินาที ก็สามารถคร่าชีวิตคนบนท้องถนนได้แล้วนะคะ หากวิ่งรถด้วยความเร็ว 90 กม./ชม. จะทำให้รถสามารถวิ่งโดยไร้การควบคุมต่อไปได้อีก 100 เมตร จึงทำให้เกิดลักษณะการชนที่รุนแรงเป็นอย่างมาก เพราะเครื่องยนต์จะไม่สามารถหักหลบ หรือตัดระบบเบรกได้เองโดยไร้คนควบคุมนั่นเองค่ะ
6. ไม่เคารพกฎจราจร
ตอนสอบใบขับขี่พอเห็นไฟสีส้มเมื่อใดก็ต้องรีบเหยียบเบรก แต่ทำไมพอขับบนถนนจริงเห็นไฟสีส้มเมื่อใดกลับรีบเหยียบคันเร่งเสียอย่างนั้น ทั้ง ๆ ที่ในปัจจุบันไฟจราจรส่วนใหญ่มักจะมีเครื่องนับเวลาถอยหลังสัญญาณไฟจราจรเตือนก่อนเปลี่ยนสีไฟอยู่แล้ว แต่ผู้ขับขี่หลายคนก็ยังฝ่าฝืนกฎจราจรอยู่เนือง ๆ ป้ายจราจรและเครื่องหมายสัญลักษณ์ต่าง ๆ ที่จะช่วยให้เกิดความปลอดภัย จึงไม่มีความหมายสำหรับคนเหล่านี้ ทำให้เป็นอีกสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงมากเลยค่ะ
7. แซงในช่องทางคับขัน
อย่าคิดว่าถนนแคบ ๆ ตามชนบทหรือเส้นทางโค้งนอกตัวเมืองจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นไม่ได้นะคะ เพราะว่าเส้นทางที่เล็กแคบ คือสถานที่ที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยที่สุดนั่นเองค่ะ เพราะการขับแซงรถคันอื่นในที่คับขัน ทำให้ต้องใช้ความเร็วในการเร่งเครื่องยนต์ที่มากขึ้น หากแซงไม่พ้นแล้ว คันหน้าก็มีโอกาสที่จะปะทะกับคันที่ส่วนมาได้นั่นเองค่ะ หรือในเส้นทางโค้งที่จังหวะเลี้ยวเจอกันพอดีทั้งสองคัน หากขับมาด้วยความเร็วอย่างไรก็ต้องชน ฉะนั้นก่อนเลี้ยวทางโค้งลองเหลือบตาขึ้นไปมองกระจกโค้งจราจรสักนิด เพื่อจะสามารถชะลอ หรือหยุดรถได้ทันเวลาค่ะ
8. ใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับรถ
จริงอยู่ว่าการใช้โทรศัพท์มือถือถือเป็นเรื่องสำคัญของมนุษย์ในยุคปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นติดต่อเรื่องงาน ติดต่อเรื่องธุรกิจ หรือธุระจำเป็นส่วนตัว แต่รู้หรือไม่ว่าการเบี่ยงเบนความสนใจไปกับการคุยโทรศัพท์ หรือเล่นโซเซียลออนไลน์ขณะขับรถ จะทำให้ขาดสมาธิในการควบคุมยานยนต์ ก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้อย่างง่ายดาย ซึ่งไม่คุ้มค่าเลยค่ะ
9. บรรทุกน้ำหนักเกิน
ตามที่กฎหมายกำหนดไว้ว่ารถยนต์นั่งส่วนบุคคลสามารถบรรทุกน้ำหนักไม่เกิน 2,200 กก. แต่ปัจจุบันรถยนต์ส่วนมากมักจะบรรทุกทั้งคน และสิ่งของเกินกว่ากฎหมายกำหนด เพื่อความรวดเร็วในการขนส่งหรือเดินทาง แต่บางครั้งก็ไม่ได้รวดเร็ว อย่างที่คิดนะคะ ข่าวรถบรรทุกคนงานคว่ำเทกระจาดตายเกลื่อนมักมีให้เห็นเป็นรายวัน เพราะการบรรทุกที่เกินอัตราทำให้รถไม่สามารถรองรับน้ำหนักที่มากเกินไปได้ ส่งผลให้การขับเคลื่อนของเครื่องยนต์มีประสิทธิภาพต่ำลง และเกิดอุบัติเหตุได้ในที่สุดนั่นเองค่ะ
10. ความประมาท
คงมีกลุ่มคนไม่น้อยที่ขับขี่ยวดยานพาหนะด้วยความประมาท โดยมิได้คำนึงว่า ความประมาทนั้นจะสร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่นมากเพียงใด อย่างเช่นข่าวอุบัติเหตุที่เกิดจากการก้มเก็บของขณะขับรถ บางคนอาจจะมองเป็นแค่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ก้มเก็บของแต่มือก็ยังบังคับพวงมาลัยอยู่คงไม่เป็นไร แต่เงยหน้ามองทางอีกทีก็ชนกับรถคันหน้าเข้าอย่างจัง อย่าให้การกระทำที่เกิดจากความประมาทของเราต้องคร่าชีวิตผู้ใช้รถใช้ถนนโดยไม่เจตนาอีกเลยนะคะ