23ปัจจุบันนี้เทคโนโลยีกำลังเปลี่ยนโลกอย่างรวดเร็ว และการพัฒนอาวุธใหม่ ๆ ก็เป็นสิ่งที่ไม่เคยหยุดนิ่ง กลาโหมทั่วโลกนั้นมีบทบาทสำคัญ ในการผลิตอาวุธที่มีประสิทธิภาพสูง เพื่อปกป้องอธิปไตยของตัวเองอย่างมั่นใจ อย่างไรก็ตาม มีบางอาวุธที่มีราคาแพงเกินหยั่งถึง และนำไปสู่ความขัดแย้งทางการเมืองกัเลยทีเดียวค่ะ มาดูกันค่ะว่า 10 อันดับ อาวุธทางทหาร ของกลาโหมมหาอำนาจ ที่แพงระดับโลก จะมีอะไรกันบ้างนะคะ
10 อันดับ อาวุธทางทหาร ของกลาโหมมหาอำนาจ ที่แพงระดับโลก
1. เครื่องบินขับไล่ F-35 Lightning I ราคา 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ต่อโครงการ
เป็นเครื่องบินขับไล่รุ่นที่ 5 ที่พัฒนาโดยสหรัฐอเมริกา มีความสามารถในการบินขั้นสูง มีเทค โนโลยีสูงสุด ใน โลก และความาสามารถในการหลบหลีก จากระบบตรวจจับของศัตรู โครงการนี้พัฒนาโดย Lockheed Martin ร่วมกับหลายประเทศ โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนหลักคือ ความต้องการของกองทัพสหรัฐอเมริกา ตามโครงการ Joint Strike Fighter (JSF) ที่มองหาเครื่องบินขับไล่ใหม่ที่สามารถแทนที่เครื่องบินขับไล่รุ่นก่อนๆ ได้ โครงการ F-35 มีค่าใช้จ่ายสูงมาก โดยราคารวมทั้งหมดกว่า 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ ตั้งแต่การวิจัยและพัฒนาจนถึงต้นทุนในการส่งมอบเครื่องบิน
2. เรือพิฆาต Zumwalt ราคา 2.2 หมื่นล้านดอลลาร์โครงการ
เรือพิฆาต Zumwalt เป็นชื่อของเรือพิมาตสมัยใหม่ ที่ถูกสร้างขึ้นสำหรับกองทัพเรือสหรัฐฯ โครงการนี้มีมูลค่ากว่า 2.2 หมื่นล้านดอลลาร์ และเปิดตัวเรือลำแรกในชื่อ USS Zumwalt (DDG-1000) เมื่อปี 2013 ด้วยเทคโนโลยีขั้นสุดยอด เรือเหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้เป็นเครื่องมือสำคัญ ในภารกิจสนับสนุนปฏิบัติการทางทหาร ที่หลากหลาย เรือพิฆาต Zumwalt มีอาวุธหลักคือกลุ่มปืนขนาดใหญ่ Advanced Gun System (AGS) ที่มีปืนขนาด 155 มม. โดยปืนนี้สามารถยิงฟกระสุนได้ไกลถึง 100 ไมล์ นอกจากนี้ยังมีกลุ่มปืนเชิงป้องกันสูง คือ Mk 57 Vertical Launching System (VLS) ที่สามารถพกพา และยิงขีปนาวุธที่หลากหลาย เช่น จรวดป้องกันอากาศถึงพื้นดิน จรวดป้องกันทางน้ำถึงพื้นดิน และจรวดป้องกันประเภทอื่น ๆ เรือพิฆาตนี้ยังมีความสามารถในปฏิบัติการต่อสู้ใต้น้ำ ด้วยเทคโนโลยีที่ใช้ในการติดตามเป้าหมายที่ดีขึ้น รวมถึงอาวุธป้องกันภัยที่สามารถต่อสู้กับเรือดำน้ำได้
3. เครื่องบินทิ้งระเบิด B-2 Spirit ราคา 2.1 พันล้านเหรียญสหรัฐต่อหน่วย
B-2 Spirit หรือที่รู้จักกันในนาม “Stealth Bomber” เป็นเครื่องบินทิ้งระเบิดล่องหนที่พัฒนาโดยสหรัฐอเมริกา ออกแบบโดยบริษัท Northrop Grumman ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นำเทคโนโลยีที่เด่นที่สุด ในกองทัพอากาศของสหรัฐ ข้อดีหลักของ B-2 Spirit คือความสามารในการลดการตรวจจับของเรดาร์ (Stealth) ทำให้ B-2 สามารถบุกเข้าไปในประเทศศัตรูโดยที่ไม่รู้ตัว B-2 Spirit มีการออกแบบที่ล้ำสมัย ในด้านเทคโนโลยีเพื่อลดความสัมผัสของเรดาร์ มีโครงสร้างลักษณะรีและส่วนตัวเครื่องทำจากวัสดุพิเศษ ที่ลดการสะท้อนคลื่นเรดาร์ รวมถึงมีระบบไฟฟ้าและระบบเครื่องยนต์ที่มีความปลอดภัยในการหลีกเสี่ยงเทค โนโลยีตรวจจับทั่วไป เช่น ระบบก่อกวนอิเล็กทรอนิกส์ (ECM) และระบบกำจัดความร้อนที่ส่องแสงจากเครื่องยนต์ ทำให้ B-2 สามารถลุยได้ในเขตป้องกัน โดยสามารถหลีกเลี่ยงการถูกตรวจจับจากระบบต้านอากาศของศัตรู B-2 Spirit มีระยะบินที่ยาวพิเศษ สามารถบินได้เกือบ 11,00 กิโลเมตรโดยไม่ต้องเติมน้ำมัน บินที่เพดานความสูงได้มากถึง 50,000 ฟุต สามารถควบคุมความหนักของระเบิดได้ถึง 18,000 กิโลกรัม ราคาของ B-2 Spirit จริงๆ แล้วเกินกว่า 2.1 พันล้านเหรียญสหรัฐต่อหน่วย อันมาจากการพัฒนาเทคโน โลยีและวัสดุที่มีความชับซ้อน อีกทั้งยังต้องมีการตรวจสอบและซ่อมบำรุงระบบต่างๆ ที่มีความละเอียดอ่อน
4. เรือดำน้ำ Virginia ราคา 2.6 พันล้านดอลลาร์ต่อหน่วย
เรือดำน้ำเวอร์จิเนีย (Virginia-class submarine) เป็นชุดของเรือดำน้ำโจมตีเร็วที่ใช้พลังงานนิวเคลียร์ของกองทัพเรือสหรัฐอเมริกา ซึ่งถือว่าเป็นเรือดำน้ำที่ทันสมัยและมีความสามารถสูงในปัจจุบัน หน่วยแรกของเรือดำน้ำชุดนี้คือ USS Virginia (SSN-774) ที่เริ่มให้บริการตั้งแต่ปี 2004 นับจากนั้นเรือดำน้ำเวอร์จิเนียก็ตั้งตัวเป็นหนึ่งในหลักปัจจัยสำคัญของกองทัพเรือสหรัฐอเมริกา เรือดำน้ำเวอร์จิเนียออกแบบมาเพื่อทดแทนเรือดำน้ำโจมตีเร็วชุดโลสองเจลาส (Los Angeles-class) ซึ่งเริ่มให้บริการตั้งแต่ช่วงปี 1970 และยังมีบางหน่วยที่ใช้งานอยู่ในปัจจุบัน เรือดำน้ำเวอร์จินียมีราคาสูงกว่า 2.6 พันล้านดอลลาร์ต่อหน่วย ซึ่งสะท้อนถึงความสามารถและเทคโน โลยีที่สูงมาก หลักประกันความปลอดภัยของเรือดำน้ำเวอร์จิเนียคือ การใช้พลังงานนิวเคลียร์ในการขับเคลื่อน ทำให้สามารถอยู่ใต้น้ำได้นานเป็นเวลาหลายเดือนและไมจำเป็นต้องขึ้นผิวน้ำเพื่อเติมเชื้อเพลิง
5. เครื่องบินลาดตระเวน P-8 Poseidon ราคา 33,000 ล้านดอลลาร์ต่อโครงการ
P-8 Poseidon (P-8A ในสหรัฐอเมริกา) เป็นเครื่องบินลาดตระเวนทางทะเล และต่อต้านปฏิบัติการใต้น้ำของสหรัฐอเมริกาและพันธมิตร มันถูกพัฒนาโดยบริษัท Boeing ในสหรัฐอเมริกา โดยใช้เครื่องบินขนาดป่านกลางของ Boeing 737 Next-Generation เป็นพื้นฐานโครงการนี้มีค่าใช้จ่ายมากกว่า 33,000 ล้านดอลลาร์ เปิดตัวในปี 2009 และเริ่มให้บริการกับกองทัพสหรัฐอเมริกาในปี 2013 P-8 ถูกออกแบบเพื่อทำหน้าที่หลากหลาย โดยเฉพาะในงานลาดตระเวนทางทะเล ภาระกิจลดน้ำหนักของเรือ และการต่อต้านปฏิบัติการใต้น้ำ มันสามารถค้นหา ติดตาม และทำลายเรือดำน้ำศัตรู เครื่องบิน P -8 มีระบบที่ทันสมัย เช่น ระบบเซนเซอร์ขั้นสูง เรดาร์ที่ตรวจจับเป้าหมายได้ทั้งบนผิวน้ำและใต้น้ำ ระบบก่อกวนทางไฟฟ้าและระบบการค้นหาผ่านทางไฟฟ้า มีชุดอุปกรณ์ต่อสู้ปฏิบัติการใต้น้ำ เครื่องวางเครื่องกำเนิดเสียง อุปกรณ์ติดตามเรือดำน้ำ รวมถึงขีปนาวุธสำหรับกำจัดเรือดำน้ำ อาทิ ตัวยิงต่อเรือดำน้ำ (ASW) และขีปนาวุธป้องกันทางทะเล มีความสามารถในการเติมน้ำมันในอากาศ สำหรับการปฏิบัติการที่ยาวนาน หรือระยะไกลด้วย
6. ระบบป้องกันภัยทางอากาศ S-400 ราคา 500 ล้านดอลลาร์ต่อหน่วย
ระบบป้องกันภัยทางอากาศ S-400 ทริอุมฟ (Triumf) เป็นระบบป้องกันและยิงไล่ขีปนาวุธของรัสเซีย ที่ออกแบบและผลิตโดยบริษัท Almaz-Antey มีชื่อเสียงในเรื่องระบบป้องกันมิสไซล์ที่มีความสามารถสูง ระบบนี้เปิดตัวครั้งแรกในปี 2007 สามารถตรวจจับและ ยิงตัวเป้าในระยะทางกล มีราคาประมาณ 500 ล้านดอลลาร์ต่อหน่วย ระบบ S-400 สามารถตรวจจับและติดตามเป้าหมายในทิศทางที่หลากหลาย มีความสามารถในการตรวจจับเทค โน โลยีสเตลท์ สามารถยิงพวกเครื่องบิน, โดรน, มิสไซล์นำร่อง และมิสไซล์บอลลิสติกได้อย่างไม่มีปัญหา มิสไซล์ของระบบ S-400 มีความสามารถในการเล็งเป้าในระยะที่แตกต่างกัน คือ
– 9M96E มีระยะยิงสูงสุดประมาณ 120 กิโลเมตร
– 9M96E2 มีระยะยิงสูงสุดประมาณ 250 กิโลเมตร
– 48 N6 มีระยะยิงสูงสุดประมาณ 400 กิโลเมตร
– 4 0 N6 มีระยะยิงสูงสุดประมาณ 400 กิโลเมตร และสามารถยิงเป้าหมายในระดับขั้นสูง
7. เรือบรรทุกเครื่องบิน HMS Queen Elizabeth ราคา 4.2 พันล้านดอลลาร์ต่อหน่วย
HMS Queen Elizabeth เป็นเรือบรรทุกเครื่องบินของกองทัพเรือสหราชอาณาจักร (Royal Navy) ที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศอังกฤษ มีความสามารถในการปฏิบัติภารกิจ และพลังป้องกันที่ยิ่งใหญ่ มีค่าใช้จ่ายสำหรับ โครงการประมาณ 4.2 พันล้านดอลลาร์ โดยเริ่มต้นโปรเจคเมื่อปี 2009 และเริ่มใช้งานในปี 2017 เรือนี้มีความยาว 280 เมตร ความกว้าง 70 เมตร และความสูงจากเส้นน้ำ 56 เมตร น้ำหนักที่เต็มพิกัดประมาณ 65,000 ตัน สามารถบรรทุกเครื่องบินได้ถึง 40 ลำ ทั้งเครื่องบินขับไล่ เครื่องบินสอดแนม ระบบป้องอากาศยาน และเครื่องบินบังคับระยะไกล HMS Queen Elizabeth ใช้ระบบขับเคลื่อนแบบดีเซล-อิเล็กทริก นั่นทำให้เรือสามารถใช้ความเร็วได้สูงสุด 25 นอต (46 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) และสามารถปฏิบัติภารกิจได้นานถึง 10,000 ไมล์ทะเล (18,520 กิโลเมตร โดยไม่จำเป็นต้องเติมน้ำมัน
8. เครื่องบินทหารแบบใบพัด V-22 Osprey ราคา 72,000 ล้านดอลลาร์ต่อโครงการ
V-22 Osprey เป็นเครื่องบินทหารแบบใบพัดเอียง (tiltrotor) ที่พัฒนาขึ้นโดยสหรัฐอเมริกา เป็นเครื่องบินที่มีความสามารถในการขึ้นลง ด้วยวิธีเวิร์ติคอลเช่นเดียวกับเฮลิคอปเตอร์ แต่ยังคงความเร็วในการบิน ในระดับของเครื่องบินแบบปีกตรง เพื่อให้สามารถปรับใช้งานได้ ในปฏิบัติการที่หลากหลาย โดยมีความสามารถในการขนส่งกองทัพและยุทโธปกรณ์ V-22 Osprey ถูกพัฒนาโดยบริษัท Bell Helicopter และ Boeing Rotorcraft Systems ซึ่งทั้งสองบริษัทได้ร่วมกันสร้างโปรเจคย่อยที่เรียกว่า Bell-Boeing Joint Project Office โครงการนี้มีค่าใช้จ่าย รวมกว่า 72,000 ล้านดอลลาร์ และเริ่มต้นขึ้นในช่วงปลายยุค 1980 V-22 Osprey ใช้เทคโน โลยีใบพัดเอียงเพื่อให้สามารถขึ้นลงได้อย่างรวดเร็ว สามารถขนส่งทหารและวัสดุ เพื่อข้ามพื้นที่กว้างในเวลาสั้น ๆ มีความสามารถในการบินต่อเนื่องได้ระยะไกล ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบเมื่อเทียบกับเฮลิคอปเตอร์
9. เครื่องบินรบ Eurofighter Typhoon ราคา 130,000 ล้านดอลลาร์ต่อโครงการ
Eurofighter Typhoon เป็นเครื่องบินรบหลายบทบาท ถูกพัฒนาและผลิตโดย Eurofighter Jagdflugzeug GmbH, ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างสี่ประเทศในยุโรป คือ สหราชอาณาจักร, อิตาลี, สเปน และเยอรมนี โครงการนี้มีมูลค่ากว่า 130,000 ล้านดอลลาร์ เริ่มต้นใน ช่วงปี 1980 โดยมีวัตถุประสงค์ในการพัฒนาเครื่องบินรบที่ทันสมัยเพื่อตอบสนองความต้องการในด้านการป้องกัน และความมั่นคงของประเทศที่เข้าร่วม Eurofighter Typhoon ถือเป็นเครื่องบินรบรุ่นที่ 4.5 มีความสามารถในการเผชิญสภาพอากาศแปรปรวน, ความสามารถเชิงป้องกันทั้งในระยะใกล้และไกล, ต่อสู้อากาศยาน, ป้องกันพื้นที่, และการสนับสนุนภาคพื้น นอกจากนี้ยังมีความสามารถในการทำภารกิจที่มีความหลากหลายเช่น การสอดแนม, การสำรวจ, และการโจมตี Eurofighter Typhoon มีข้อได้เปรียบทางเทคนิคหลายประการ เช่น ระบบสื่อสารสมัยใหม่, ระบบควบคุมการบินที่ยืดหยุ่น, ระบบเครื่องยนต์ประสิทธิภาพสูง, รวมถึงระบบเซ็นเซอร์ และอุปกรณ์กำลังไฟฟ้าที่ทันสมัย นอกจากนี้ยังมีความสามารถในการปรับใช้ เพื่อเข้าร่วมยุทธวิธีที่หลากหลาย
10. เรือพิฆาต Arleigh Burke ราคา 2 พันล้านเหรียญสหรัฐต่อหน่วย
เรือพิฆาตชั้น Arleigh Burke เป็นหน่วยของกองเรือพิฆาตติดขีปนาวุธนำวิถี ที่พัฒนาโดยสหรัฐอเมริกา เรือเหล่านี้ถือเป็นหนึ่งในเรือสำหรับการรบที่ทันสมัย และเทคโน โลยีสูง ราคาของเรือต่อหน่วยอยู่ประมาณ 2 พันล้านเหรียญสหรัฐเรือพิฆาต Arleigh Buke มีขนาดใหญ่และแข็งแกร่ง น้ำหนักรวมอยู่ที่ประมาณ 9,000 ตัน ความยาวรวมประมาณ 505 ฟุต (154 เมตร) และความกว้าง 66 ฟุต (20 เมตร) มีความเร็วสูงสุดในการเดินทาง 30+ นอต เรือพิฆาตนี้ถูกออกแบบมา เพื่อให้มีความสามารถในการป้องกันตัวเองและกองเรืออื่น ๆ มีระบบป้องกันตัวเองที่ทันสมัย มีสมรรถนะสูงควบคุมโดยระบบป้องกันตัวเอง Aegis Combat System ที่สามารถติดตาม, ตรวจจับ, ป้องกันและทำลายเป้าหมายหลายทิศทางพร้อม อีกทั้งมีอาวุธเสริมมากมาย เช่น ปีนขนาด 5 นิ้ว, ขีปนาวุธขับไล่(Cเพร), ขีปนาวุธป้องกันปืนกล และระบบขีปนาวุธป้องกันด้วยจรวจ(RAM) นอกจากนี้ยังมีขีปนาวุธสำหรับการต่อสู้บนผิวน้ำ, ใต้น้ำและอากาศติดตั้งอยู่ด้วย