บทความนี้จะมานำเสนอเกี่ยวกับ 10 อันดับตระกูล ที่ร่ำรวยที่สุดในเอเชีย 2024 กันนะคะ ผลสำรวจจาก Lombard Odier ในปี 2023 พบว่า คนรวยในเอเชียแปซิฟิก 76.1% มองว่าสิ่งที่สำคัญที่สุด คือ การรักษาความมั่งคั่งให้อยู่ต่อไปเรื่อย ๆ และอีกกว่า 56.4% มองว่าสิ่งสำคัญคือ การปกป้องทรัพย์สินของตนเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของครอบครัว หรืออาจพูดง่าย ๆ คือ คนรวยในเอเชียแปซิฟิกส่วนใหญ่มองว่าสิ่งสำคัญที่สุดของการเป็นคนรวย คือ การยังคงรวยต่อไปนั่นเองค่ะ พร้อมแล้วตามมาดูกันเลยค่ะว่า 10 อันดับตระกูล ที่ร่ำรวยที่สุดในเอเชีย 2024 จะมีตระกูลไหนกันบ้าง
10 อันดับตระกูล ที่ร่ำรวยที่สุดในเอเชีย 2024
1. ตระกูล Ambani จากอินเดีย มีมูลค่าทรัพย์สิน 3.6 ล้านล้านบาท ($102.7BN)
Ambani คือ เจ้าของบริษัท Reliance Industries บริษัทที่ประกอบธุรกิจหลายประเภทรวมกัน หนึ่งในนั้นคือ ศูนย์กลั่นน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดในโลก และผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือรายใหญ่ที่สุดในอินเดีย นอกจากนี้ปัจจุบันบริษัทของตระกูลนี้ยังได้จับธุรกิจมากมาย เช่น ธุรกิจเทคโนโลยี การค้าปลีก และพลังงานสะอาด ซึ่งบริหารโดยคนในตระกูลเดียวกัน ซึ่งดำเนินกิจการโดยคนในตระกูลรุ่นที่ 3 และพวกเขายังเป็นตระกูลที่อาศัยอยู่ในคฤหาสน์ที่แพงที่สุดในโลกอีกด้วย
2. ตระกูล Hartono จากอินโดนีเซีย มีมูลค่าทรัพย์สิน 1.6 ล้านล้านบาท ($44.8BN)
Hartono คือ เจ้าของบริษัท DJARUM บริษัทผลิตยาสูบที่ตระกูลนี้ซื้อกิจการมาในปี 1950 และปัจจุบันธุรกิจดังกล่าวเติบโตขึ้นจนกลายเป็นผู้ผลิตบุหรี่รายใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในอินโดนีเซีย ต่อมาในปี 1963 ลูกชายของตระกูลนี้ได้หันมาเริ่มต้นธุรกิจด้านการเงินด้วยการลงทุนในธนาคารกลางเอเชีย โดยมีลูกชายรุ่นที่ 3 ของตระกูลดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการธนาคารกลางเอเชีย และปัจจุบันการลงทุนในธนาคารแห่งนี้กลายเป็นแหล่งรายได้หลักของตระกูล
3. ตระกูล Mistry จากอินเดีย มีมูลค่าทรัพย์สิน 1.2 ล้านล้านบาท ($36.2BN)
Mistry คือ เจ้าของบริษัท Shapoorji Pallonji Group บริษัทที่ครอบคลุมธุรกิจหลากหลายสาขา รวมถึงวิศวกรรมและการก่อสร้าง มีจุดเริ่มต้นมาจากการทำธุรกิจก่อสร้างร่วมกับชาวอังกฤษในปี 1865 ถือเป็นบริษัทก่อสร้างที่สำคัญของอินเดีย เพราะมีส่วนร่วมในการก่อสร้างอาคารสำคัญต่าง ๆ เช่น ธนาคารกลางอินเดียในมุมไบ และพระราชวังอัลอาลัมสำหรับสุลต่านแห่งโอมาน เป็นต้น
4. ตระกูล Kwok จากฮ่องกง มีมูลค่าทรัพย์สิน 1.1 ล้านล้านบาท ($32.3BN)
Kwok คือ เจ้าของบริษัท Sun Hung Kai Properties หนึ่งในบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในฮ่องกง ตระกูลนี้ทำรายได้มหาศาลจากธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และส่วนใหญ่มักเป็นโครงการที่มีมูลค่าสูง ในปัจุบัน Sun Hung Kai Properties กำลังดำเนินโครงการสร้างเครือข่ายโซลาร์เซลล์ที่ใหญ่ที่สุดในฮ่องกงด้วยจำนวนการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ที่ 14,600 แผง
5. ตระกูลเจียรวนนท์ จากไทย มีมูลค่าทรัพย์สิน 1.1 ล้านล้านบาท ($31.2BN)
เจียรวนนท์ ตระกูลมหาเศรษฐีของไทยเจ้าของกลุ่มเจริญโภคภัณฑ์ (CP) ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทที่มีทั้งธุรกิจอาหาร การค้าปลีก และโทรคมนาคม ปัจจุบันมีธนินท์ เจียรวนนท์ดำรงตำแหน่งประธานอาวุโสของบริษัท ล่าสุดตระกูลเจียรวนนท์ได้ก่อตั้งกองทุนมูลค่า 2 พันล้านดอลลาร์ร่วมกับ LDA Capital เป็นกองทุนเพื่อการลงทุนในบริษัทที่กำลังเติบโตในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
6. ตระกูลอยู่วิทยา จากไทย มีมูลค่าทรัพย์สิน 1 ล้านล้านบาท ($30.2BN)
อยู่วิทยา คือ ตระกูลเจ้าของบริษัท TCP GROUP บริษัทอาหารและเครื่องดื่มรายใหญ่ของประเทศไทย ในปี 1975 เฉลียว อยู่วิทยาได้คิดค้นเครื่องดื่มชูกำลังชื่อ ‘กระทิงแดง’ ออกมาขายและได้รับความนำยิมอย่างมากมาจนถึงปัจจุบัน
7. ตระกูล Jindal จากอินเดีย มีมูลค่าทรัพย์สิน 9.8 แสนล้านบาท ($27.6BN)
Jindal คือ เจ้าของบริษัท OP Jindal Group เป็นกลุ่มบริษัทที่ครอบคลุมภาคส่วนต่าง ๆ ตั้งแต่เหล็กไปจนถึงพลังงาน ซีเมนต์ และกีฬา ปัจจุบันดำเนินการโดยลูกชายรุ่นที่ 3 ของตระกูลทั้ง 4 คน ปัจจุบันบริษัท OP Jindal Group และ Jindal Steel & Power มีแผนดำเนินการสร้างเหมืองแร่เหล็กมูลค่า 2 พันล้านดอลลาร์ในแอฟริกาใต้
8. ตระกูล Tsai จากไต้หวัน มีมูลค่าทรัพย์สิน 8.5 แสนล้านบาท ($24.0BN)
Tsai คือ เจ้าของบริษัท Cathay Insurance และ Fubon Insurance บริษัทด้านประกันภัยและการเงินรายใหญ่สองแห่งในไต้หวัน นอกจากนี้ตระกูล Tsai ยังได้ลงทุนในด้านอื่น ๆ เช่น อสังหาริมทรัพย์และโทรคมนาคมเพิ่มเติมอีกด้วย
9. ตระกูล Cheng จากฮ่องกง มีมูลค่าทรัพย์สิน 8.4 แสนล้านบาท ($23.6BN)
Cheng คือ เจ้าของบริษัท Chow Tai Fook Jewellery บริษัทที่จัดจำหน่ายอัญมณีรายใหญ่ในฮ่องกง นอกจากนี้ตระกูล Cheng ยังเป็น New World Development ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์และโครงสร้างพื้นฐานรายใหญ่ของฮ่องกงอีกด้วย
10. ตระกูล Birla จากอินเดีย มีมูลค่าทรัพย์สิน 7.7 แสนล้านบาท ($21.8BN)
Birla คือ เจ้าของบริษัท Aditya Birla Group เป็นหนึ่งในธุรกิจที่เก่าแก่ที่สุดในอินเดีย ธุรกิจของ Aditya Birla Group ประกอบด้วยกันหลายประเภท เช่น บริการทางการเงิน การค้าปลีก และธุรกิจโลหะ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ผลิตอะลูมิเนียมรายใหญ่ที่สุดของอินเดีย ปัจจุบัน Aditya Birla Group ทุ่มเงินมากกว่า 600 ล้านเหรียญสหรัฐในธุรกิจค้าปลีกเครื่องประดับ ซึ่งกลายเป็นตลาดโลหะมีค่า เช่น ทองคำและเงิน ที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก