ในปัจจุบันนี้ มีแมวหลากหลายสายพันธ์เลยนะคะ ที่เป็นที่นิยมต้องการของคนทั่วโลก และความน่ารักขี้อ้อนของเหล่าน้องแมวนี่เองค่ะ ทำให้แมวบางสายพัธุ์มีค่า และมีราคาสูงมากเลยนะคะ เรามาดูกันนะคะ ว่ามีแมวสายพันธุ์ไหนกันบ้างที่มีราคาค่าตัวแพงที่สุดในโลกค่ะ มาดูกันเลย

แมวที่แพงที่สุดในโลก 10 อันดับ

 

1. แมวอเมริกัน เคิร์ล (American Curl)

แมวพันธุ์ อเมริกัน เคิร์ล American Curl ถือเป็นแมวที่มีชื่อเสียงมากอีกพันธุ์หนึ่ง ด้วยลักษณะเด่นของ American Curl คือ มีหูม้วนหลุบไปข้างหลัง เป็นลักษณะเฉพาะที่ไม่เหมือนแมวพันธุ์อื่น อเมริกัน เคิร์ล เป็นแมวที่ร่าเริงไม่ดุ มีนิสัยเป็นมิตรกับผู้คน ซื่อสัตย์ เข้ากันได้ดีกับเด็ก ๆ และสัตว์อื่นในบ้าน ว่ากันว่า อเมริกัน เคิร์ล มีลักษณะคล้ายสุนัขอีกด้วยนะคะ และยังเป็นสายพันธุ์ที่มีจำนวนจำกัด จึงทำให้แมวสายพันธุ์นี้มีราคาสูงขึ้น อาจต้องจ่ายกว่าหลัก ร้อยพัน ดอลลาร์ เพื่อเป็นเจ้าของกันเลยค่ะ

 

2. แมวสฟิงซ์(Sphynx)

เป็นสายพันธุ์ที่มีลักษณะเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง จุดเด่นของแมวสฟิงซ์คือเป็นแมว “ไร้ขน” แม้ดูภายนอกจะเหมือนแมวไร้ขน แต่อันที่จริงแล้วสฟิงซ์มีขนนุ่มละเอียดปกคลุมทั่วรางกาย ให้สัมผัสเหมือนเปลือกลูกพีช แมวพันธุ์นี้ไม่มีหนวดและขนตา หัวมีรูปทรงคล้ายกับหัวของแมวเดวอน เร็กซ์ ดวงตาลึกกลมคล้ายเลมอน รูปร่างของสฟิงซ์บอบบางแต่มีกล้ามเนื้อ อกหนากลม ขาเรียวยาวและดูโก่งจากอกทรงกลม หางยาวเรียวและสากเมื่อสัมผัส แมวสฟิงซ์ตัวอุ่นนุ่มเมื่อสัมผัสจนได้รับฉายาว่าเป็น “กระเป๋าน้ำร้อนเดินได้” ผิวหนังบางส่วนบนหัว ข้างลำตัว และขามีรอยย่น แต่บริเวณอื่น ๆ จะตึงเรียบ นอกจากนี้ผิวหนังยังมีสีคล้ำอย่างเห็นได้ชัด ทั้งยังมีลวดลายและสีสันหลากหลายอีกด้วยนะคะ การเลี้ยงแมวสฟิงซ์อาจมีราคาเริ่มต้นที่ 3,000 ดอลลาร์สหรัฐ และอาจสูงถึง 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติทางพันธุ์กรรม และความต้องการส่วนตัวค่ะ

 

3. แมวพันธุ์บริติช ชอร์ตแฮร์(British Shorthair)

แมวบริติชชอร์ตแฮร์มีรูปร่างที่แข็งแรงและมีกล้ามเนื้อซึ่งทำให้พวกมันเป็นสายพันธุ์ขนาดกลาง มีใบหน้ากลมกว้าง แก้มอ้วน ดวงตากลมโตและใบหูเล็ก ขาสั้นและแข็งแรง อุ้งเท้าใหญ่และกลม พวกเขาเป็นที่รู้จักจากขนหนานุ่มและหนาแน่นเมื่อสัมผัส
ลักษณะเด่นที่สุดของแมวบริติชชอร์ตแฮร์คือใบหน้าที่กลมและกว้าง โดยทั่วไปแล้วดวงตาที่กลมโตจะเป็นสีทองแดง สีทอง หรือสีน้ำเงิน ส่วนหูเล็กๆ จะมีลักษณะกลมที่ปลายและแยกออกจากกันบนหัว แก้มอ้วนและกรามที่แข็งแรงทำให้พวกมันดูน่ารักและน่ากอดจนยากจะต้านทานเลยค่ะ มีลักษณะที่น่ารักและมีชื่อเสียง เป็นสัตว์เลี้ยงที่เรียบง่าย ราคาของแมวพันธุ์นี้อยู่ที่ 800-1,500 ดอลลาร์สหรัฐ ขึ้นอยู่กับคุณภาพ และลักษณะทางพันธุกรรมค่ะ

 

4. แมวพันธุ์สก็อตติช  (Scottish Fold)

สายพันธุ์สก๊อตทิช โฟลด์ [Scottish fold] ที่มีหูพับอันเป็นเอกลักษณ์สุดเก๋ที่ไม่เหมือนใคร หน้ากลมแป้น ขนอุยนุ่มน่ากอด ทำให้น้องแมวพันธุ์สก๊อตทิช โฟลด์ ผู้มาจากสก๊อตแลนด์ ถูกใจทุกคนที่พบเห็นเลยนะคะ แมวสายพันธุ์นี้มีอายุเฉลี่ยอยู่ที่ 11 – 14 ปี ความสูงอยู่ที่ 10 – 12 นิ้ว ด้วยหูที่พบลงมา ทำให้ใบหน้าของสก๊อตทิช โฟลด์ ดูกลม จนหลายคนให้คำอธิบายแมวสายพันธุ์นี้ไว้อย่างเห็นภาพว่าเหมือนกับ นกฮูก โดยใบหูของสก๊อตทิช โฟลด์ จะมีทั้งแบบพับงอไปด้านหน้า เรียกว่า single fold แบบพับงอที่มากขึ้นหรือ double fold และแบบที่พับราบไปกับหัว หรือ triple fold โดยลูกแมวที่เกิดมาแล้วมีใบหูตั้งก็อย่าเพิ่งตกใจไปนะคะ เพราะใบหูของลูกแมวที่พับจะเริ่มมองเห็นเมื่อแมวมีอายุประมาณ 3 สัปดาห์นั่นเองค่ะ การเป็นแมวที่มีหูพับลงนี่เอง ทำให้พวกเขามีความน่ารักและเป็นเอกลักษณ์ ราคาของแมว สก็อตติช ฟอลด์อยู่ที่ประมาณ 800-1,500 ดอลลาร์สหรัฐค่ะ

 

5. แมวพันธุ์เบอร์มี  (Burmese)

แมวเบอร์มิส (Burmese) เป็นแมวขนาดกลาง ขนสั้น มีสีขนเป็นสีน้ำตาลทอง เป็นแมวที่ขี้อ้อน รักเจ้าของ และเชื่อง มีรูปร่างที่กลมทั้งตัว ไม่ว่าจะเป็นศรีษะ ปลายหู ตา คางหรือแม้กระทั่งเท้า แมวพันธุ์นี้ดูแข่งแกร่งมั่นคงทั้งรูปลักษณ์และความรู้สึก และแข็งแรงมาก มีขนสั้น นุ่ม ลื่น และเงางาม สีขนเป็นสีน้ำตาลทอง อาจมีเฉดสีที่แตกต่างกันไป เช่น สีน้ำตาลอ่อน สีน้ำตาลเข้ม สีทองแดง หรือสีแดง แมวเบอร์มิสเป็นแมวที่ขี้อ้อน รักเจ้าของ และเชื่อง ชอบอยู่ติดเจ้าของตลอดเวลา เป็นแมวที่ร่าเริง ฉลาด และชอบเล่น สามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้ดี เลี้ยงง่าย เข้ากับคนและสัตว์เลี้ยงอื่นๆ ได้เป็นอย่างดี เป็นแมวที่รักครอบครัวมาก ชอบที่จะใช้เวลาอยู่กับคนในครอบครัว ชอบคลอเคลีย ลูบหัว และนอนบนตัก ฉลาด เรียนรู้สิ่งต่างๆ ได้ง่าย ชอบเล่นกับของเล่นต่างๆ และสามารถฝึกให้ทำตามคำสั่งได้ดี เป็นแมวที่มีลักษณะเป็นที่นิยม พวกเขามีราคาเริ่มต้นที่ 500-1,500 ดอลลาร์สหรัฐ ขึ้นอยู่กับคุณภาพและพันธุกรรมค่ะ

 

6. แมวพันธุ์เบงกอล  (Bengal)

แมวเบงกอล (Bengal) เป็นแมวที่ผสมข้ามสายพันธุ์ ระหว่างแมวดาว (Asian Leopard Cat) กับแมวบ้าน (Domestic Shorthair) ในที่นี้คือ Egyptian Mau คือ พันธุ์แมวอียิปต์โบราณ และมีโครงสร้างเป็นหลายจุดมีลักษณะที่เหมือนแมวป่า (wild cat) ซึ่งการผสมข้ามสายพันธุ์ของแมวดาว กับ E.Mau and Ocicat  แม้ว่าจะมีลักษณะคล้ายเสือ แต่นิสัยของเจ้าแมวเบงกอลก็ไม่ได้ดุดันอย่างที่กำลังคิดกันหรอกนะคะ แถมยังเชื่องแสนเชื่อง เป็นมิตร ชอบอยู่กับคน น่ารัก และคล่องแคล่วปราดเปรียว มีนิสัยชอบวิ่งไล่สิ่งของหรือวัตถุ ชอบปีนป่าย ชอบไล่จับหนู หากไม่มีอะไรให้เล่นก็จะของเล่นด้วยตัวเอง มีเสียงร้องที่ฟังแล้วเหมือนแมวป่าค่อนข้างมาก ส่วนสัญชาตญาณความเป็นสัตว์ป่าที่คงหลงเหลือให้เห็นอยู่ กลับกลายเป็นลักษณะเด่นของแมวเบงกอล นั่นคือ ความมั่นใจในตนเอง ความกล้าหาญ ไม่ขลาดกลัว และความเฉลียวฉลาดในการเอาตัวรอด และที่แตกต่างจากแมวเกือบทุกชนิดอย่างมาก คือ แมวเบงกอลมีนิสัยชอบเล่นน้ำอย่างมากอีกด้วยค่ะ พวกเขามีราคาเริ่มต้นที่ 1,000-2,000 ดอลลาร์สหรัฐ ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติและลักษณะทางพันธุกรรมค่ะ

 

7. แมวพันธุ์แอนโกรา  (Angora)

เทอร์คิช แองโกร่าเป็นแมวขนาดกลาง มีร่างกายเพียวยาว และมีกระดูกที่ดี
พวกเขาเป็นรูปร่างล่ำสัน จึงไม่ความที่จะผอม หูตั้ง ตากลมรี ขาด้านหลังสูงกว่าขาหน้า แมวพันธุ์นี้มักจะตื่นตัว กระตือรือล้นและมีความภูมิใจในตนเอง มีความยาวขนปานกลาง และมีชั้นเดียวทำให้ง่ายต่อการดูแลรักษา  มีการผลัดขนตามฤดูกางแต่ไม่ว่าขนจะสั้นลงแต่ก็ยังคงความนุ่มลื่นและพริ่วไหวเวลาเคลื่อนไหว เทอร์คิช แองโกร่าเป็นแมวน่ารัก อ่อนหวาน แต่ว่าอาจจะเครียดหรือเสียใจได้หากมีการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมกระทันหัน นอกจากนี้แมวพันธุ์นี้จะค่อนข้างเงียบจากสายพันธุ์บรรพบุรุษ Semi-feral เทอร์คิช แองโกร่ามีเสน่ห์และผูกพันกับเจ้าของ พวกเขาชอบวิ่งและเล่น เป็นสายพันธุ์ที่มีขนยาวและมีลักษณะที่สวยงาม ราคาของแมวแอนโกรา เริ่มต้นที่ 1,000-2,000 ดอลลาร์สหรัฐ ขึ้นอยู่กับคุณภาพและลักษณะทางพันธุกรรมค่ะ

 

8. แมวพันธุ์แมนกูน  (Maine Coon)

แมวเมนคูนนั้นเป็นหนึ่งในแมวเลี้ยงที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกในปัจจุบัน เป็นแมวที่ตัวใหญ่ แต่ใจเล็ก นั่นหมายถึง เจ้าแมวยักษ์ตัวนี้ มีนสัยที่ขี้อ้อน น่ารัก ชอบอยู่กับผู้คน จึงทำให้มนุษย์ทั้งหลายหลงรักมัน จริงๆ แล้วคำว่า “เมนคูน” ตรงกับรากศัพท์ภาษาอังกฤษคำว่า Maine coon มีความหมายมาจาก “เมน” (Maine) คือชื่อของรัฐหนึ่งในสหรัฐอเมริกา ส่วน “คูน” มาจากคำว่าแรคคูน ก็คือตัวแรคคูนนั่นเอง ซึ่งเป็นสัตว์ชนิดหนึ่งที่เด็กๆ ต่างรู้จักกันดีในภาพยนตร์การ์ตูน ฉะนั้นเมนคูนจึงเป็นแมวสายพันธุ์หนึ่งที่มีถิ่นกำเนิดในรัฐเมน ของประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งไม่ใช่สายพันธุ์เดียวกับแรคคูน เพียงแต่มีลักษณะนิสัยที่คล้ายกันบางอย่าง แมวเมนคูนมีหน้าอกกว้างและร่างกายที่กำยำ ลักษณะที่ดีของเมนคูนจะมีกะโหลกที่ใหญ่ หูสวยตั้งตรง โครงสร้างใหญ่และสมดุล คือโครงร่างใหญ่ ไม่อ้วน เป็นแมวที่มีกล้ามเนื้อเฉพาะตัวผู้ ดังนั้นตัวผู้จึงมีโครงสร้างค่อนข้างใหญ่กว่าตัวเมีย ตัวเมียปกติแล้วจะหนักได้ถึง 6 กก. และตัวผู้ 8 กก. แต่ก็มีตัวผู้บางตัวหนักถึง 13 กก. เป็นสายพันธุ์ที่มีขนยาวและขนาดใหญ่ พวกเขามีราคาเริ่มต้นที่ – 1,000-2,500 ดอลลาร์สหรัฐ ขึ้นอยู่กับคุณภาพและลักษณะทางพันธุกรรมค่ะ

 

9. แมววิเชียรมาศ  (Siamese)

แมววิเชียรมาศเป็นที่รู้จักในต่างประเทศโดยใช้ชื่อว่า แมวสยาม (Siamese Cat) แต่ต่างประเทศจะมีแต้มสีอื่นที่หลากหลายกว่า ซึ่งในบ้านเราจะยอมรับเฉพาะแมวที่มีแต้มสีน้ำตาลเข้มเท่านั้น นัยน์ตาสีฟ้าก็เป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของแมวชนิดนี้ ลักษณะโดยทั่วไป จะมีขนสั้นแน่นสีขาว หรือสีน้ำตาลอ่อน มีแต้มสีครั่ง หรือสีน้ำตาลไหม้ที่บริเวณใบหน้า หูทั้งสองข้าง เท้าทั้งสี่ หางและที่อวัยวะเพศ (ทั้งแมวเพศผู้และแมวเพศเมีย) รวม 9 แห่ง ขณะที่อายุยังน้อย หรือเป็นลูกแมว สีขนจะออกสีครีมอ่อนๆ หรือขาวนวล พอโตขึ้นสีจะค่อยๆ เข้มขึ้นตามลำดับจนเป็นสีน้ำตาล (สีลูกกวาด) รูปหัวไม่กลม หรือแหลมเกินไป หน้าผากใหญ่และแบน จมูกสั้น หูใหญ่ ตั้งสูงเด่นบนส่วนหัว ตาสีฟ้า หางยาว ปลายแหลมชี้ตรง โคนหางใหญ่และค่อยๆ เล็กเรียวกลมไปจนสุดปลายหาง ขายาวเรียวได้สัดส่วนกับลำตัว เป็นแมวพันธุ์ไทยที่มีราคาสูง ซึ่งหาได้ไม่ง่าย จำนวนจำกัด และมีความเป็นสายพันธุ์บริสุทธิ์ อาจต้องจ่ายจำนวนเงินหลัก ร้อยพันดอลลาร์สหรัฐขึ้นไปเพื่อเป็นเจ้าของค่ะ

 

10. แมวพันธุ์พอเซีย  (Persian)

แมวเปอร์เซีย หรือ Persian Cat คือหนึ่งในสายพันธุ์น้องแมวขนสวยยาวเงางาม และจัดเป็นหนึ่งในสิบสายพันธุ์แมว ที่ได้รับความนิยมนำมาเลี้ยงมากที่สุดบนโลกสายพันธุ์หนึ่ง ด้วยขนที่สวย บวกกับความน่ารัก ความจงรักภักดีต่อเจ้าของ รักความสงบ ไม่ส่งเสียงดังเอะอะ และความฉลาดแสนรู้ของแมวเปอร์เซีย ทำให้น้องแมวสายพันธุ์นี้มัดใจให้หลายคนตกหลุมรักกันแบบถอนตัวไม่ขึ้นกันเลยทีเดียวค่ะ ลักษณะเด่นของแมวเปอร์เซียอยู่ที่ตาที่โต กะโหลกกลม หน้าแบน แก้มแน่น และใบหูขนาดเล็กที่มีปลายมน ขนาดหัวที่ใหญ่ของแมวเปอร์เซียช่วยพยุงคอที่สั้น หลายคนอาจเคยสังเกตเห็นว่าแมวเปอร์เซียมีหน้าตาหลายแบบ เช่น หน้าแบนสุดๆ แบบ Peke-face หรือเป็นลุคเก่าที่จะเห็นว่าใบหน้าแมวเปอร์เซียมีความกลมขึ้นมาอีกนิดแบบ Doll-face ซึ่งอายุเฉลี่ยของแมวสายพันธุ์นี้อยู่ที่ 10 – 15 ปี มีความยาวลำตัว 14 – 18 นิ้ว (ไม่รวมความยาวหาง) น้ำหนักประมาณ 4 – 6 กิโลกรัม รูปร่างของแมวเปอร์เซียจะเป็นสัดส่วนของกล้ามเนื้อเป็นส่วนใหญ่ ขาสั้น หนา และมีอุ้งเท้าขนาดใหญ่ หางแมวเปอร์เซียจัดว่าไม่ยาวมากเมื่อเทียบกับสัดส่วนลำตัวของแมว เป็นสายพันธุ์ที่มีลักษณะขนยาวที่หน้า พวกเขามีราคาเริ่มต้นที่  800-3,000 ดอลลาร์สหรัฐ ขึ้นอยู่กับคุณภาพและลักษณะทางพันธุกรรมเช่นกันค่ะ

จากข้อมูลด้านบนนี้ คือแมวที่ราคาแพงที่สุดในโลกปี 2023 นะคะ ซึ่งราคาค่าตัวน้องแมวนั้น อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามตลาด และสภาพการตลาดในช่วงเวลานั้นๆได้นะคะ และถึงแม้ว่าราคาน้องแมวจะแพงแค่ไหนก็ตาม แมวก็เป็นสัตว์เลี้ยงที่น่ารักและสุดคุ้มสำหรับทาสแมวทั้งหลายอยู่แล้วค่ะ