บทความนี้จะมานำเสนอ สกุลเงินที่แข็งค่าที่สุดและดีที่สุดในโลกกันนะคะ แต่ก่อนอื่นเรามาดูปัจจัยที่กำหนดสกุลเงินที่แข็งค่าที่สุดในโลกกันก่อนนะคะ

– หากอัตราเงินเฟ้อของประเทศอยู่ในระดับต่ำ สกุลเงินจะแข็งค่า
– ประเทศที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าจะมีสกุลเงินที่แข็งค่ากว่า เพราะผู้ให้ยืมได้รับประโยชน์มากกว่า และดึงดูดสกุลเงินต่างประเทศ
– ชาติที่มีสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจ และการเมืองที่มีเสถียรภาพดึงดูดนักลงทุน ผู้ส่งผลกระทบต่ออัตราแลกเปลี่ยนของสกุลเงินประจำชาติ
– ต่างประเทศซื้อผลิตภัณฑ์ของประเทศหนึ่งทำให้เกิดอุปทานสกุลเงินของประเทศนั้นที่สูง ซึ่งก็คือ หากสินค้าของประเทศมีราคาไม่ค่อยแพง รัฐต่างประเทศมีแนวโน้มที่จะซื้อสินค้า ในการซื้อสินค้าเหล่านั้น พวกเขาจะต้องซื้อเงินของประเทศนั้น สกุลเงินของชาติที่มีราคาต่ำที่สุดมักจะมีอำนาจสูงสุด
– ประเทศที่มีนโยบายการเงินเข้มงวดลดปริมาณสกุลเงินตน ทำให้สกุลเงินแข็งค่าขึ้น

 

10 สกุลเงินที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลกประจำปี 2567

 

 

1. ดีนาร์คูเวต ( 1 KWD = 3.26 USD )
ดีนาร์คูเวต (KWD) คือสกุลเงินต่างประเทศที่ค่าเงินแพงที่สุดบ่อยครั้ง และการที่ไม่ได้ผูกกับสกุลเงินใด ทำให้ดีนาร์คูเวตเคลื่อนไหวอย่างอิสระ ความรุ่งเรืองของคูเวตมาจากการผลิตน้ำมันอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งทำให้ค่าเงินดีนาร์คูเวตสูงขึ้น คูเวตได้สร้างกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติที่มีขนาดใหญ่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา กองทุนนี้อยู่ภายใต้การจัดการขององค์การบริหารการลงทุนคูเวต (KIA) และมีส่วนต่อมูลค่าที่สูงระยะยาวของคูเวต เนื่องจากเศรษฐกิจของคูเวตทั้งหมดขึ้นอยู่กับน้ำมันและก๊าซสำรองจำนวนมากของประเทศ การลดลงของราคาน้ำมันดิบทำให้เกิดการขาดดุลในเศรษฐกิจคูเวต อย่างไรก็ตาม KIA ได้จัดทำแผนเจ็ดปีเพื่อรับมือเรื่องนี้ ทำให้แน่ใจว่ามูลค่าของ KWD ยังคงแข็งแกร่งและมีเสถียรภาพ การเพิ่มขึ้นของอุปสงค์ทำให้ราคาเพิ่มขึ้นและสนับสนุนสกุลเงินในประเทศ ในทางตรงกันข้าม การลดลงของอุปสงค์และการเพิ่มขึ้นของอุปทานทำให้ราคาน้ำมันลดลงและส่งผลเสียต่อดีนาร์คูเวต

 

2. ดีนาร์บาร์เรน  ( 1 BHD = 2.65 USD )
เมื่อผูกค่ากับดอลลาร์สหรัฐ ดีนาร์บาห์เรน (BHD) มีมูลค่าที่เหนือกว่าเรียลโอมานเล็กน้อย ถึงแม้เศรษฐกิจบาห์เรนจะได้รับผลกระทบด้านลบจากราคาน้ำมันตกต่ำ แต่ค่าเฉลี่ยรายปีของดีนาร์บาห์เรนค่อนข้างเสถียรนับตั้งแต่ปี 2554 อัตราเงินเฟ้อของบาห์เรนยังเสถียรและต่ำ ทางเดียวที่จะมีอัตราเงินเฟ้อแบบบาห์เรนคือการมีเสถียรภาพและอัตราการเติบโตที่ต่ำ – สองปัจจัยที่ทำให้เศรษฐกิจแข็งแกร่งยิ่งขึ้น

 

3. เรียลโอมา ( 1 OMR = 2.60 USD )
การผูกค่าเงินแบบคงที่อยู่ที่ 2.6008 USD ต่อเรียลโอมานนับตั้งแต่การปรับสมดุลครั้งสุดท้ายในปี 2529 เรียลโอมาน (OMR) ยังคงมูลค่าเดิมเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์เนื่องจากข้อจำกัดทางการเงินและนโยบายการเงินที่เข้มงวด ในการปกป้องประเทศจากความวุ่นวายและสงครามในตะวันออกกลางที่น่าเศร้าแต่เกิดขึ้นบ่อย นักการเมืองโอมานควบคุมปริมาณเงินตามที่ปฏิบัติกันมา ทำให้อัตราแลกเปลี่ยนของสกุลเงินโอมานมีค่าสูงขึ้น และข้อจำกัดด้านการกู้ยืมมีแนวโน้มจะเอื้อประโยชน์กับองค์กรธุรกิจนอกประเทศและกิจกรรมการเทรด Forex ที่มีระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้สูง

 

 

 4. ดีนาร์จอร์แดน ( 1 JOD = 1.41 USD )
เมื่อเปรียบเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ดีนาร์จอร์แดน (JOD) มีค่าสูงกว่า ถึงแม้จะผูกกับดอลลาร์สหรัฐตั้งแต่ปี 2538 ซึ่งทำไปเพื่อให้สกุลเงินของจอร์แดนมั่นคงเพื่อดึงดูดการลงทุนจากชาวอเมริกัน สิ่งสำคัญที่ควรจำคือประเทศใด ๆ ก็สามารถผูกค่าเงินของตนกับเงินดอลลาร์ได้ทุกเวลา เพื่อคงการผูกค่าเงินอย่างยั่งยืน สกุลเงินจะต้องคงค่าเงินของตนเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจอร์แดนประสบความสำเร็จในการคงค่าเงินของตนเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ในช่วงสองทศวรรษแรกของคริสต์ศตวรรษที่ 21

 

5. ปอนด์สเตอร์ลิง  ( 1 GBP = 1.26145USD )
เป็นเวลาหลายทศวรรษที่ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ได้ก้าวตามแนวโน้มของโลก ทำให้ค่าเงินปอนด์มากกว่าดอลลาร์สหรัฐ สกุลเงินหลักของสหราชอาณาจักร (ปอนด์สเตอร์ลิง – GBP) มีค่ามากกว่าดอลลาร์สหรัฐในช่วงส่วนใหญ่ของคริสต์ศตวรรษที่ยี่สิบ ในช่วงยุค 80 รูปแบบนี้มีการเปลี่ยนแปลง โดยปอนด์สเตอร์ลิงได้ฟื้นคืนข้อได้เปรียบก่อนหน้าเหนือดอลลาร์สหรัฐ
ถึงแม้ BoE คือปัจจัยสำคัญที่สุดในการกำหนดมูลค่า GBP แต่ก็มีปัจจัยอื่น ๆ ประกอบเช่นกัน เงินเฟ้อและการเติบโตทางเศรษฐกิจต่างมีบทบาทของตน อารมณ์ของตลาดเป็นอีกประเด็นที่คุณควรพิจารณา เนื่องจากสหราชอาณาจักรคือหนึ่งในประเทศชั้นนำด้านเศรษฐกิจ เหตุการณ์ทางเศรษฐกิจและการเมืองทั่วโลกกระทบต่อค่าเงินปอนด์สเตอร์ลิง

 

6. ดอลลาร์หมู่เกาะเคย์แมน ( 1 KYD = 1.20 USD )
อัตราแลกเปลี่ยนของดอลลาร์หมู่เกาะเคย์แมน (KYD) ตายตัวที่ 1.2 ดอลลาร์สหรัฐในยุค 70 นั่นอาจดูเหมือนว่าการสร้างสกุลเงินที่มีค่าเงินมากกว่าดอลลาร์สหรัฐเป็นกระบวนการที่ไม่ซับซ้อน แต่จริง ๆ แล้วซับซ้อนกว่าที่เห็น การคงค่าเงินเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐอาจเป็นเรื่องยากหากภาวะเศรษฐกิจในประเทศย่ำแย่และสหรัฐอเมริกาเพิ่มอัตราดอกเบี้ย มูลค่าของดอลลาร์หมู่เกาะเคย์แมนได้รับการค้ำจุนโดยสถานะของประเทศที่เป็นดินแดนปลอดภาษีสำหรับคนรวย

 

7. ยูโร  ( 1 EUR = 1.07702 USD )
เนื่องจากรับผิดชอบนโยบายการเงินของทั้งทวีป ทำให้ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ซึ่งกำหนดนโยบายการเงินสำหรับเขตเศรษฐกิจยุโรปมีความเป็นอิสระจากรัฐบาลของชาติมากกว่าธนาคารกลางส่วนใหญ่ ความเป็นอิสระนี้ช่วยคงค่าเงินยูโรให้แข็งแกร่ง แต่ก็มีส่วนทำให้เกิดวิกฤตหนี้สาธารณะยุโรปและเพิ่มอัตราการว่างงานโดยการห้ามบางประเทศ (เช่น กรีซและอิตาลี) จากการดำเนินการบางประการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ (เช่น พิมพ์เงินเพิ่มเติม) ยูโรคือคู่เงินสามัญที่สุดสำหรับ USD เมื่อเกี่ยวกับการเทรดในตลาดโลก เพราะยูโรคือสกุลเงินของสิบเก้าประเทศโดยพฤตินัย มูลค่าของยูโรกำหนดจากสภาวะทางเศรษฐกิจ สังคมและการเมืองของทุกประเทศเหล่านี้ รวมถึงสถานะของตลาดหุ้น, ความโกลาหลในการคาดการณ์และการวิเคราะห์ เช่นเดียวกับมาตรการที่ดำเนินการโดย ECB

 

8. ฟรังก์สวิส  ( 0.87447CHF = 1 USD )
ฟรังก์สวิสคือสกุลเงินหลักของสวิสเซอร์แลนด์ ฟรังก์มีค่าเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับยูโรและดอลลาร์สหรัฐอันเป็นผลมาจากวิกฤตหนี้สาธารณะยุโรปและนโยบายการเงินสหรัฐอเมริกา ธนาคารแห่งชาติสวิสได้กล่าวในปี 2558 ว่าการผูกฟรังก์กับยูโรนั้นไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไปและจะถูกยกเลิก ถึงแม้ยูโรจะได้รับการยอมรับว่าเป็นสื่อกลางในการชำระเงินในสวิสเซอร์แลนด์ แต่เงินทอนจะอยู่ในรูปฟรังก์สวิสเท่านั้น ฟรังก์สวิสได้รับการจัดอันดับว่าเป็นแหล่งเงินตราต่างประเทศที่ปลอดภัยที่สุด ฟรังก์สวิสคือตัวเลือกที่ปลอดภัยสำหรับคู่สกุลเงินเสมอ เนื่องจากวิกฤตหนี้สาธารณะยุโรปในปี 2551 นักลงทุนจำนวนมากหันมาหาฟรังก์สวิสเป็นทางเลือก เพราะฟรังก์สวิสมีความเสถียร ทำให้เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยที่ทุกคนต้องการ – การลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอกระทั่งในยามวิกฤต

 

9. ดอลลาร์สหรัฐ
USD คือสกุลเงินทางการของสหรัฐอเมริกา (ดอลลาร์สหรัฐอเมริกา) ดอลลาร์สหรัฐคือสกุลเงินที่มีการใช้มากที่สุดในโลกและถือว่าเป็นเกณฑ์มาตรฐานในตลาดระหว่างประเทศเมื่อเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนสกุลเงินและอัตราแลกเปลี่ยน ดอลลาร์สหรัฐยังถูกใช้เป็นเงินตราที่สามารถใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมายในหลายประเทศนอกสหรัฐอเมริกา และประเทศอื่น ๆ ใช้ดอลลาร์สหรัฐเป็นสกุลเงินอย่างไม่เป็นทางการร่วมกับสกุลเงินของตน ดอลลาร์สหรัฐถูกมองว่าเป็นรากฐานสำคัญของเศรษฐกิจโลกและสกุลเงินสำรองสำหรับการเงินและการค้าระหว่างประเทศ ทำให้สกุลเงินแดนลุงแซมเป็นการลงทุนที่ปลอดภัยไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นบนโลกก็ตาม นอกเหนือจากตัวแปรทางเทคนิคและปัจจัยพื้นฐานแล้ว ยังมีจิตวิทยาของตลาดและความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ที่มีอิทธิพลต่อมูลค่าเงินดอลลาร์ในตลาดโลก

 

 

10. ดอลลาร์แคนาดา  ( 1.34653 CAD = 1 USD )
สกุลเงินประจำชาติแคนาดา (ดอลลาร์แคนาดา) คือสกุลเงินที่มีการซื้อขายมากเป็นอันดับ 6 ของโลก เนื่องจากน้ำมันสำรองจำนวนมากของประเทศและปริมาณยูเรเนียมที่มากเป็นอันดับสองของโลก ซึ่งทั้งสองต่างตั้งอยู่ในอัลเบอร์ตา ทรัพยากรธรรมชาติของแคนาดาอยู่ในอันดับสามของโลก ดอลลาร์แคนาดามีความเสี่ยงจากความผันผวนของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ เพราะสหรัฐอเมริกาคือคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของแคนาดา

 

จะเห็นได้ว่า ปัจจัยที่ทำให้สกุลเงินเหล่านี้แข็งค่ามากที่สุดในโลกนั้น ทุกสิ่งอยู่ในมือของผู้กำหนดนโยบายระดับสูงสุด ค่าเงินจะเพิ่มขึ้นหรือลดลงขึ้นอยู่กับนโยบายการเงินของธนาคารกลาง และคุณภาพของการบริหารจัดการระบบที่มีอยู่ ความแข็งแกร่งและเสถียรภาพมีอยู่ควบคู่กัน และนั่นคือสิ่งที่เพิ่มค่าเงินของสกุลเงินใด ๆ สำหรับการแลกเปลี่ยน ไม่ว่าจะเป็นสกุลเงินใดก็ตามนะคะ ดังนั้นจึงสามารถสรุปได้ว่า ปัจจัยที่เพิ่มมูลค่าที่เป็นตัวเงินของสกุลเงินคือเสถียรภาพทางการเมือง เสถียรภาพทางเศรษฐกิจ เงินเฟ้อต่ำ อัตราดอกเบี้ยสูง นโยบายการเงินที่วางแผนอย่างเหมาะสมและราคาต่ำเพื่อดึงดูดประเทศที่มีอำนาจซื้อสูงกว่า เศรษฐกิจที่แข็งแกร่งส่งเสริมอัตราการว่างงานที่ต่ำและทำให้เป็นสถานที่ที่ดีในการซื้อขายสกุลเงินในตลาดซื้อขาย และการธนาคารนั่นเองค่ะ

 

 

ที่มา : https://www.litefinance.org