ช่วงนี้ไข้หวัดใหญ่ทั้งสายพันธุ์ AและB ระบาดทั้งในประเทศไทยและประเทศยุโรปเลยนะคะ และเอเชียที่เป็นฤดูหนาว เช่นประเทศญี่ปุ่น จีน ก็ยิ่งไม่รอดค่ะ สำหรับใครที่จะไปเที่ยวต้องเตรียมตัวให้พร้อมด้วยนะคะ ทั้งยา ทั้งการฉีดวัคซีนป้องกัน และอนามัยส่วนตัว เช่น สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยนั่นเองค่ะ เนื่องจากโรคไข้หวัดใหญ่รุนแรงได้ถ้ามีภาวะแทรกซ้อน เช่น ปอดอักเสบ และเชื้อขึ้นสมองทำให้สมองอักเสบ และอายุที่เสี่ยงรุนแรงก็คือ เด็กอายุน้อยกว่า5ปี ผู้สูงอายุ และผู้มีโรคประจำตัวนั่นเองค่ะ

 

 

 

 

อย่างล่าสุดก็เพิ่งมีข่าวนางเอก F4 คนแรกเสียจากไข้หวัดใหญ่ ติดเชื้อไข้หวัดใหญ์ H1N1 ไม่มีใครรู้ว่าเมื่อเราเป็นจะมีอาการรุนแรงหรือไม่ ดังนั้นควรฉีดวัคซีนกันเถอะนะคะ สาเหตุของโรคไข้หวัดใหญ่ โรคไข้หวัดใหญ่สาเหตุคือ ไวรัสที่มีชื่อว่า “อินฟลูเอนซ่าไวรัส (Influenza virus)” ที่อยู่ในน้ำมูก น้ำลาย หรือเสมหะของผู้ป่วย และติดต่อผ่านการไอ จาม หรือหายใจรดกัน เมื่อติดเชื้อในทางเดินหายใจส่วนบนแล้ว จะทำให้มีไข้สูง ไอ น้ำมูก คัดจมูก จาม มีอาการปวดเมื่อยตามตัว อ่อนเพลียคล้ายกับไข้หวัด แต่อาการจะมากกว่าในเด็กเล็กน้อยกว่า 2 ขวบ ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรังอาจเกิดอาการที่รุนแรง และเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ เช่น ปอดอักเสบและสมองอักเสบ นอกจากนั้นยังทำให้โรคประจำตัวมีอาการกำเริบจากการติดเชื้อ เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคเกี่ยวกับตับและไต

 

ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ป้องกันได้

 

 

ไข้หวัดใหญ่สามารถป้องกันได้ด้วย การฉีดวัคซีนซึ่งเป็นวัคซีนที่ฉีดเข้ากล้ามเนื้อ โดยใช้เวลา 2 สัปดาห์ในการสร้างภูมิคุ้มกันช่วยป้องกันการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์เดียวกัน หรือสายพันธุ์ที่ใกล้เคียงกับที่บรรจุในวัคซีน ภูมิคุ้มกันอยู่ได้ประมาณ 1 ปี จึงควรฉีดเป็นประจำทุกปี วัคซีนไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์ มีอะไรบ้าง วัคซีนไข้หวัดใหญ่จะมีส่วนประของไวรัส Influenza Virus 4 สายพันธุ์ คือ

* สายพันธุ์ A แบ่งย่อย 2 สายพันธุ์ คือ H1N1, H3N2

* สายพันธุ์ B แบ่งย่อย 2 สายพันธุ์ คือ Yamagata, Victoria

ซึ่งสายพันธุ์ที่บรรจุในวัคซีนจะเปลี่ยนแปลงไปทุกปี

 

 

 

 

วัคซีนไข้หวัดใหญ่ใครบ้างที่ควรฉีด

1. บุคคลทั่วไป สามารถฉีดได้ทุกช่วงอายุ

2. กลุ่มเสี่ยงที่ควรต้องฉีด

* เด็กเล็กอายุ 6-23 เดือน

* เด็ก หรือผู้ใหญ่ที่มีโรคประจำตัว เช่น หอบหืด หัวใจ ตับ เบาหวาน ปอดเรื้อรัง โรคไต โรคเลือด ภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือต้องรักษาด้วยยาแอสไพริน เป็นประจำนานๆ

* หญิงตั้งครรภ์ 4 เดือนขึ้นไป หรือหลังคลอดไม่เกิน 4 สัปดาห์

* นักท่องเที่ยว ที่จะเดินทางไปต่างถิ่นที่อาจมีการระบาด

* ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป

* ผู้ที่มีน้ำหนักตัวตั้งแต่ 100 กิโลกรัม หรือดัชนีมวลกายตั้งแต่ 35 กก./ตรม.

 

ใครไม่ควรฉีดวัคซีนหรือควรเลื่อนการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่

1. เด็กอายุน้อยกว่า 6 เดือน

2. ผู้ที่เคยฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่แล้วมีอาการแพ้อย่างรุนแรง

3. หากมีไข้ เจ็บป่วยเฉียบพลัน หรือโรคประจำตัวมีอาการกำเริบควบคุมไม่ได้ ควรเลื่อนการฉีดวัคซีนออกไปก่อน กรณีเป็นหวัดเล็กน้อย ไม่มีไข้ สามารถรับการฉีดวัคซีนได้ ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นภายหลังการฉีดวัคซีน

* อาการเฉพาะที่บริเวณที่ฉีด เช่น ปวด บวม แดง เกิดภายใน 24-48 ชั่วโมงหลังฉีด แต่อาการจะหายไปเองภายใน 2-7 วัน

* หลังฉีดบางรายจะมีไข้ต่ำๆ รู้สึกไม่สบายตัว ปวดกล้ามเนื้อ ปวดศีรษะ อาจเริ่มมีอาการภายใน 6-12 ชั่วโมง และอาจเป็นนาน 1-2 วัน โดยไม่ต้องรับการรักษา

 

 

 

 

ข้อควรปฏิบัติภายหลังการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่

1. ไม่ควร นวด คลึง บริเวณที่ฉีด

2. หากมีอาการไข้ รู้สึกไม่สบายตัว ปวดกล้ามเนื้อและข้อ ปวดศีรษะ สามารถรับประทานยาแก้ปวดเพื่อบรรเทาอาการได้

3. หากมีอาการผิดปกติรุนแรงหรือสงสัยในการปฏิบัติตัวเพิ่มเติม แนะนำให้มาพบแพทย์

จะเห็นได้ว่าเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ทั้งสายพันธุ์ A และ B จะมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลานะคะ จึงเป็นเหตุให้มีการแพร่ระบาดทุกปี เพราะฉะนั้นการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่เป็นประจำทุกปี จึงเป็นอีกหนึ่งวิธีที่สามารถป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ได้ ลดความรุนแรงในการเกิดโรค ลดโอกาสการนอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาลนั่นเองค่ะ