บทความนี้จะมานำเสนอเกี่ยวกับเรื่อง โนโรไวรัส (Norovirus) สาเหตุการอักเสบของระบบทางเดินอาหารกันนะคะ โนโรไวรัส (Norovirus) เป็นไวรัสที่ทำให้เกิดการอักเสบของระบบทางเดินอาหาร ไวรัสชนิดนี้มักระบาดได้ง่าย และรวดเร็วแม้ร่างกายได้รับเชื้อในปริมาณเพียงเล็กน้อยก็ตามนะคะ และที่สำคัญยังทนต่อความร้อนและน้ำยาฆ่าเชื้อต่าง ๆ ได้ดีอีกด้วยค่ะ ดังนั้นเมื่อเกิดการปนเปื้อนของโนโรไวรัสในอาหาร และน้ำดื่ม จึงทำให้เกิดอาการท้องเสีย อาเจียน และสามารถติดต่อกันได้ง่าย เนื่องจากใช้เวลาเพียงไม่นานในการแพร่กระจายเชื้อ จึงส่งผลให้ไวรัสนี้พบระบาดได้มากในฤดูหนาว ติดต่อได้ง่ายในสภาพอากาศเย็น และทำให้เกิดโรคทั้งในเด็กและผู้ใหญ่อีกด้วยค่ะ
อาการที่พบบ่อยเมื่อได้รับเชื้อ โนโรไวรัส (Norovirus)
อาการที่พบบ่อยหากได้รับเชื้อโนโรไวรัสภายใน 24 – 48 ชั่วโมง ได้แก่
– ถ่ายเหลวเป็นน้ำ
– ปวดท้อง
– คลื่นไส้
– อาเจียน
– ปวดศีรษะ
– ไข้ต่ำ
– ปวดเมื่อยตามร่างกาย
– อ่อนเพลีย
การตรวจและรักษา ตรวจวินิจฉัยการติดเชื้อโนโรไวรัส
ทำได้โดยการเก็บตัวอย่างอุจจาระเพื่อส่งตรวจพิเศษกับห้องปฏิบัติการ หากพบว่าติดเชื้อโนโรไวรัส แพทย์จะทำการดูแลรักษาตามอาการเป็นสำคัญ หากเด็กมีภูมิต้านทานที่ดีอาการจะดีขึ้นและหายได้เองภายใน 2 – 3 วัน แต่หากเด็กเกิดการขาดน้ำอาจทดแทนด้วยการดื่มน้ำเกลือแร่หรือการให้น้ำเกลือทางหลอดเลือด รับประทานอาหารอ่อน ๆ หรือให้ยาแก้อาเจียนและยาแก้ปวดท้อง แต่ถ้าเด็กภูมิต้านทานต่ำ มีอาการรุนแรงถึงขั้นถ่ายตลอดเวลาต้องนำส่งโรงพยาบาลทันทีและอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด เพราะอาจเกิดการช็อก ความดันต่ำ และเสียชีวิตได้ค่ะ
เชื้อโนโรไวรัสสามารถติดต่อได้ง่ายจากคนหนึ่งไปสู่อีกคนหนึ่ง ด้วยพฤติกรรมต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
– รับประทานอาหารหรือดื่มน้ำที่มีเชื้อโนโรไวรัส พบบ่อยในน้ำดื่ม น้ำแข็ง ผักผลไม้สด หอยนางรม เป็นต้น
– เด็กจับหรือสัมผัสกับสิ่งของที่มีเชื้อโนโรไวรัสแล้วเอานิ้วเข้าปาก
– สัมผัสกับผู้ป่วยโดยตรง การป้องกันการติดเชื้อโนโรไวรัส
การป้องกันระวังติดเชื้อ
ได้แก่การดูแลใส่ใจเรื่องความสะอาดนั่นคือ หัวใจสำคัญของการป้องกันการติดเชื้อโนโรไวรัส ได้แก่
– ก่อนทานหรือหยิบจับอาหารและหลังเข้าห้องน้ำต้องล้างมือให้สะอาดทุกครั้ง
– การล้างมือให้สะอาดต้องล้างด้วยน้ำสบู่ โดยให้น้ำไหลผ่านไม่ต่ำกว่า 15 วินาที
– ดื่มน้ำที่สะอาด เลือกรับประทานอาหารที่สุก สะอาด สดใหม่
– เลี่ยงการหยิบจับหรือทำอาหารให้ผู้อื่น
– ใช้ช้อนกลางหากต้องรับประทานอาหารร่วมกับผู้อื่น
เนื่องจากเชื้อโนโรไวรัสสามารถติดต่อได้ง่าย และปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกัน รวมถึงยังไม่มียาที่กำจัดเชื้อไวรัสชนิดนี้โดยเฉพาะ เพราะฉะนั้นผู้ปกครองจึงควรดูแลเจ้าตัวเล็กอย่างใกล้ชิดในเรื่องของการรับประทานอาหาร และน้ำดื่มที่สะอาด ที่สำคัญล้างมือให้สะอาดทุกครั้ง คือสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ห่างไกลจากเชื้อโนโรไวรัสได้นะคะ
ที่มา : กุมารเวชศาสตร์โรคติดเชื้อ