ในการรับประทานอาหารแต่ละมื้อนั้น คุณเคยสังเกตตัวเองบ้างหรือไม่ว่าคะว่า ใช้เวลาในการเคี้ยวอาหารคำละกี่ครั้ง โดยคนส่วนใหญ่มักทำไปตามนิสัยส่วนตัวที่เคยชินของแต่ละคนนะคะ แต่รู้หรือไม่คะว่าประโยชน์ของการเคี้ยวให้ละเอียดนั้น ส่งผลดีต่อสุขภาพเป็นอย่างมากเลยนะคะ

 

 

นักโภชนาการบำบัด และผู้เชี่ยวชาญเรื่องอาหารเพื่อสุขภาพ ให้ข้อมูลว่า การเคี้ยวอาหาร ให้ละเอียดก่อนกลืนนั้น มีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะถือว่าเป็นด่านแรกที่จะทำให้อาหารมีความละเอียดขึ้น ทำให้กระเพาะอาหารไม่ต้องทำงานหนักจนเกินไป ช่วยให้สารอาหารถูกดูดซึมเข้าสู่ส่วนต่างๆ ของร่างกายได้ง่ายขึ้น และยังทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีเป็นปกติอีกด้วยนะคะ ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของการมีสุขภาพที่ดีนั่นเองค่ะ

 

 

ในทางกลับกัน หากเราเคี้ยวอาหารไม่ละเอียดพอแล้วนั้น กระเพาะอาหารจะต้องรับภาระในการย่อยอาหารมากขึ้น ยิ่งอาหารที่ย่อยยาก อย่างเช่น เนื้อสัตว์ กระเพาะจะต้องหลั่งกรด และมีการบีบตัวที่มากขึ้นกว่าปกติ ทำให้เกิดอาการแน่นท้อง ท้องอืดหรือท้องเฟ้อตามมาได้นั่นเองค่ะ

 

 

นักโภชนาการบำบัด ยังได้บอกอีกว่า การเคี้ยวอาหารให้ถูกต้องนั้นคือควรเคี้ยวประมาณ 10 ครั้งสำหรับอาหารที่นิ่ม เช่น ข้าว หรือ ขนมปังนะคะ ขณะเดียวกันให้เคี้ยวประมาณ 20-30 ครั้งสำหรับเนื้อสัตว์ และผัก ซึ่งจำนวนครั้งในการเคี้ยวที่เหมาะสมนั้น อาจทดลองโดยการ เคี้ยวก้านผักคะน้า ฝรั่ง หรือแอปเปิ้ล ประมาณ 10 ครั้ง แล้วใช้ลิ้นดุนสำรวจดูว่าละเอียดเพียงพอหรือไม่ ซึ่งถ้ายังรู้สึกไม่ละเอียดก็ให้เพิ่มจำนวนครั้งในการเคี้ยวให้มากขึ้นค่ะ ต่อไปเรามาดู ประโยชน์ของการเคี้ยวไปพร้อมๆกันเลยดีกว่าค่ะ

 

ประโยชน์ของการเคี้ยวอาหารให้ละเอียด

 

1. ช่วยทำให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้ดี

การเคี้ยวช่วยบดอาหารชิ้นใหญ่ๆให้เป็นชิ้นเล็กๆ เพื่อให้กระเพาะอาหารย่อยได้ง่ายขึ้น และลำไส้ก็จะดูดซึมสารอาหารจากอาหารที่ผ่านเข้ามาได้ง่ายขึ้นนะคะ ซึ่งการเดินทางของอาหารในลำไส้นั้นใช้เวลาพอๆ กันไม่ว่าจะเป็นอาหารละเอียดหรือไม่ละเอียดก็ตาม แต่เมื่ออาหารละเอียดแล้ว ร่างกายจะสามารถดูดซึมสารอาหารได้เร็วขึ้น เนื่องจากเวลาการย่อยอาหารนั้นน้อยลง เพราะการเคี้ยวที่ละเอียด จะช่วยย่อยอาหารไประดับหนึ่งแล้ว ซึ่งอาหารที่ละเอียดกว่าจะถูกดูดซึมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าอาหารที่ไม่ละเอียดนั่นเองค่ะ

2. ช่วยควบคุมน้ำหนัก

การเคี้ยวข้าวแบบไม่ละเอียดนั้น มีผลทำให้คนเราอ้วนขึ้นได้ด้วยนะคะ เพราะเมื่อเราไม่ใส่ใจที่จะเคี้ยวให้ละเอียด ก็จะทำให้เราติดนิสัยการทานเร็ว จนเสี่ยงต่อการทานอาหาร ที่มากเกินกว่าปริมาณที่ร่างกายต้องการนั่นเองค่ะ ซึ่งปกติแล้วร่างกายเราจะใช้เวลาประมาณ 20 นาที ก่อนที่จะเริ่มส่งสัญญาณไปที่สมองว่าอิ่มแล้ว ดังนั้นการที่เราใช้เวลานานในการเคี้ยว จะช่วยทำให้รู้สึกอิ่มได้เร็วขึ้น และส่งผลให้น้ำหนักคงที่ ไม่เพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ในที่สุดนั่นเองค่ะ

3. ช่วยย่อยอาหารได้ง่ายขึ้น

เมื่ออาหารละเอียดก็จะย่อยได้ง่าย ร่างกายก็ไม่ต้องทำงานหนักจนเกินไป เพราะหากร่างกายต้องทำงานหนักกว่าปกติแล้ว ในระยะยาวอาจทำให้ร่างการทรุดโทรมเร็วดูแก่ก่อนวัยด้วยนะคะ

4. ลดปัญหาท้องอืด ท้องเฟ้อ และท้องผูก

หลังการรับประทานอาหารที่เคี้ยวแบบไม่ละเอียด อาจมีผลให้รู้สึกท้องอืดได้อีกด้วยนะคะ เพราะการบดเคี้ยวอาหารที่หยาบจนเกินไป ทำให้อวัยวะภายในไม่สามารถย่อยอาหารได้อย่างสมบูรณ์ เมื่อย่อยอาหารได้ไม่หมด ก็เป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดอาการท้องอืด และท้องเฟ้อขึ้นมาได้นั้นเองค่ะ ดังนั้นเพียงแค่เราใช้เวลา เคี้ยวอาหารให้นานขึ้น ก็สามารถลดปัญหาท้องอืด ท้องเฟ้อและท้องผูกได้แล้วนะคะ

5. ช่วยให้ฟันแข็งแรง

การเคี้ยวที่มากขึ้นจะทำให้น้ำลายออกมามากขึ้นด้วยนะคะ และจะไปทำความสะอาดฟัน ลดการสะสมของคราบหินปูน ช่วยให้ฟันผุน้อยลง รวมทั้งยังเป็นการบริหารเหงือกและฟันให้แข็งแรงอีกด้วยค่ะ

การเคี้ยวของคนในแต่ละวัย ก็เป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึงด้วยเช่นกันนะคะ ตามนี้เลยค่ะ

– วัยเด็ก
ต้องสอนให้เด็กๆรู้จักการเคี้ยวหลายๆ ครั้ง ก่อนจะกลืนจนเป็นนิสัย เพราะถ้าเคี้ยวไม่ละเอียดเด็กๆ มักจะปวดท้องได้ง่ายนั่นเองค่ะ

– วัยรุ่น
อาจจะต้องมีการจูงใจให้เขาเคี้ยวละเอียดๆ เพราะจะช่วยให้ฟันสวย และยังลดน้ำหนักได้อีกด้วยค่ะ

– วัยชรา
เราสามารถปรับปรุงเมนูอาหารให้น่ารับประทาน แต่ยังคงความอ่อนนุ่ม และเคี้ยวง่าย โดยอาจจะเพิ่มเติมสีสันจากผักต่างๆ ก็จะช่วยทำให้ผู้สูงอายุทานอาหารได้มากขึ้นค่ะ

จะเห็นได้ว่าการที่จะมีสุขภาพที่แข็งแรงนั้นไม่ใช่เรื่องยากเลยนะคะ เพียงแค่เริ่มต้นใส่ใจกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ รอบตัว อย่างเช่นการเคี้ยวให้ละเอียด เพียงเท่านี้ก็สามารถช่วยให้มีสุขภาพดีได้แล้วค่ะ

 

ที่มา : https://www.thaihealth.or.th/