บทเรียนวามนี้จะมานำเสนอเกี่ยวกับ สัญญาณเตือนที่จะบ่งบอกได้ว่าคอมฯของเราติดไวรัส พร้อมวิธีป้องกันนะคะ ทุกคนน่าจะพอรู้นะคะว่าหากคอมฯติดไวรัสแล้วนั้น จะส่งผลเสียมากกว่าที่เราคิดเลยนะคะ ไม่ใช่แค่มีแอปแปลก ๆ มาติดตั้งเอง แต่อาจจะทำให้คอมฯพัง ข้อมูลหาย หรือถูกละเมิดความเป็นส่วนตัวต่างๆได้อีกด้วยนะคะ แต่ที่สำคัญก็คือ แล้วจะรู้ได้อย่างไร ว่าคอมฯของเราติดไวรัสมัลแวร์เข้าแล้ว มาดูสัญญาณเตือนที่บ่งบอกว่าคอมฯติดไวรัสมัลแวร์กันเลยค่ะ
สัญญาณเตือน คอมติดไวรัส มัลแวร์
1. คอมพิวเตอร์ของเราทำงานช้าลง, แบตเตอรี่หมดไวกว่าปกติมาก ๆ เครื่องขัดข้องบ่อยๆ
2. มี Pop-up แจ้งเตือนไวรัสและโฆษณาเด้งขึ้นมาเยอะๆ ซึ่งอาจเเจ้งเตือนให้เราไปที่เว็บไซต์อื่นเพื่อดาวน์โหลด โปรแกรมป้องกันไวรัสปลอม หรือโปรแกรมซอฟต์แวร์ที่ไม่ปลอดภัย แล้วอาจติดตั้งมัลแวร์เพื่อทำให้คอมของเราติดไวรัสได้
3. เราถูกล็อคเอาท์ออกจากคอมพิวเตอร์ เราอาจไม่สามารถเข้าถึงการตั้งค่า หรือเข้าถึงไฟล์บนคอมพิวเตอร์ หรือแม้แต่ไม่สามารถเข้าสู่ระบบได้
4. ไฟล์ แอปพลิเคชัน หรือโปรแกรมบนคอมพิวเตอร์ของเราหายไป หรือมีไฟล์ใหม่เพิ่มขึ้นมา ทั้ง ๆ ที่เราไม่ได้เป็นคนดาวน์โหลด
5. เมื่อเราเปิดคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อื่นๆ แล้วมีโปรแกรมที่เราไม่รู้จักกำลังเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ของเราอยู่ นั่นก็อาจเป็นสัญญาณของไวรัสได้
6. ถ้าหากเม้าส์ คีบอร์ด หรืออุปกรณ์ต่าง ๆ ทำงานเอง แบบอยู่ดี ๆ มันก็พิมพ์เอง เมาส์ในจอเลื่อนเอง คลิกเอง นั่นก็อาจจะเป็นเพราะว่ามีคนใช้เครื่องคอมของเราอยู่ โดยไวรัสมัลแวร์บางตัวสามารถเรียก RDP (Remote Desktop Protocol) เพื่อให้แฮกเกอร์สามารถเข้ามาควบคุมคอมพิวเตอร์ของเราจากระยะไกลได้
7. ซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยของเราอาจถูกปิดการใช้งานไปเลย
วิธีแก้ไขป้องกันคอมพิวเตอร์ จากไวรัส มัลแวร์
หากเจอแบบนี้จะต้องทำอย่างไร มาดูวิธีแก้ไข พร้อมทั้งวิธีป้องกันให้คอมพิวเตอร์ของเราให้ปลอดภัยจากไวรัสมัลแวร์กันค่ะ
ขั้นแรก ถ้ารู้ว่าเราได้ติดตั้งแอปที่น่าสงสัยก็ให้ปิดการทำงานของแอปนั้นทันทีเลยค่ะ โดยวิธีการดังนี้ค่ะ
สำหรับ MacOs
1. กดที่ Activity Monitor
2. เลือกแอปที่น่าสงสัย
3. กด Quit
สำหรับ Windows
1. เปิด Resource Monitor
2. เลือกแอปที่ดูน่าสงสัย
3. กด End Process
จากนั้น ให้รีบเปิดแอนตี้ไวรัสเพื่อมาสแกนหาแล้วก็ลบไวรัสทั้งระบบทันทีเลยนะคะ ซึ่งเราก็ควรจะใช้แอนตี้ไวรัสที่น่าเชื่อถือด้วยนะคะ จะได้ไม่โดนไวรัสซํ้ารอบสองนั่นเองค่ะ เพราะถ้าหากว่าเราไปใช้แอนตี้ไวรัสที่ไม่น่าเชื่อถือแล้วล่ะก็ ตัวแอนตี้ไวรัสนั่นแหละอาจจะเป็นมัลแวร์เป็นไวรัสซะเองก็ได้ค่ะ และหลังจากที่เปิด Antivirus สแกนและลบไวรัสออกไปแล้ว ก็ให้เช็กอีกครั้งด้วยนะคะ โดยการรีสตาร์ทคอมพิวเตอร์ของเรา แล้วเปิด Antivirus เพื่อสแกนอีกครั้งให้แน่ใจว่าไม่มีไวรัสใดๆหลงเหลืออยู่นั่นเองค่ะ
หากลบมัลแวร์ไม่สำเร็จ วิธีสุดท้ายที่จะทำให้คอมพิวเตอร์ของเราปราศจากมัลแวร์ นั่นก็คือการล้างเครื่อง แล้วติดตั้งระบบปฏิบัติการ แอปพลิเคชัน หรือโปรแกรมของเครื่องใหม่ทั้งหมด ซึ่งข้อดีก็คือเราจะได้เครื่องคอมพิวเตอร์ของตัวเองกลับคืนมา แต่ข้อเสียก็คือข้อมูล และการตั้งค่าต่างๆจะถูกล้างใหม่ทั้งหมด ทั้งไฟล์ข้อมูลในเครื่อง ภาพ เพลง เกม โปรแกรมและรวมถึงการเซ็ตอัพการตั้งค่าต่าง ๆ ถ้าไม่อยากให้ข้อมูลหายไปหมดก็ต้องสำรองข้อมูลไว้เป็นประจำด้วยนะคะ และที่สำคัญเราควรอัปเดตระบบปฏิบัติการ เบราวเซอร์ และซอฟต์แวร์อื่น ๆ ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุด และต้องอัปเดตโปรแกรม Antivirus ให้ล่าสุดด้วยเช่นกันค่ะ เพื่อให้ทันต่อโปรแกรมไวรัสที่อัปเดตอยู่เสมอนั่นเองค่ะ