ทุกคนเคยสังเกตกันบ้างไหมคะ ว่าทำไมบริเวณกระจกบานหลังของรถยนต์ทุกคันถึงมีลายเส้นขีดขวางเต็มไปหมด ซึ่งที่จริงแล้วลายเส้นที่ว่านี้มีประโยชน์มากกว่าที่หลายคนคิดเลยนะคะ และยังมีข้อควรระวังที่เราคาดไม่ถึงอีกด้วยค่ะ จะเป็นอย่าไรนั้นตามมาดูพร้อมกันเลยค่ะ

 

ความหมายของลายเส้นบนกระจกหลังรถยนต์

 

ลายเส้นบริเวณกระจกหลังรถยนต์นั่น ที่จริงแล้วก็คือ “ลวดไล่ฝ้า” นั่นเองค่ะ มีหน้าที่สำคัญในกรณีวันที่มีฝนตก หรืออากาศเย็น ซึ่งอาจจะเกิดฝ้าบริเวณกระจกหลัง เราก็สามารถกดปุ่มไล่ฝ้า ที่อยู่กับสวิตช์ควบคุมระบบปรับอากาศเพื่อให้ฝ้าจางลง และหายไปในที่สุดได้นั่นเองค่ะ

ลวดไล่ฝ้านั้น จะมีลักษณะเป็นเส้นลวดบางๆ ทำมาจากวัสดุนิกเกิล หรือทองแดง ฝังอยู่ติดกับบานกระจกมาตั้งแต่โรงงาน โดยหลักการทำงานก็ง่ายมากเลยนะคะ คือ เมื่อกดปุ่มไล่ฝ้าหลังรถแล้วนั้น จะเป็นการปล่อยกระแสไฟฟ้าอ่อนๆ ไหลผ่านแผงลวดเพื่อสร้างความร้อน ทำให้ฝ้าจางลง และหายไปในที่สุดนั่นเองค่ะ

 

 

อย่างไรก็ดี การเปิดใช้งานระบบไล่ฝ้ายังมีข้อที่ควรต้องระมัดระวัง ก็คือ เมื่อฝ้าที่เกาะอยู่บนกระจกเลือนหายไปทั้งหมดแล้ว ควรรีบปิดการทำงานของระบบไล่ฝ้าทันทีเลยนะคะ มิเช่นนั้นอาจทำให้เกิดความร้อนสูงขึ้น จนอาจทำให้กระจกแตกได้ในที่สุดค่ะ แม้ว่าปัจจุบันรถยนต์ส่วนใหญ่ จะมีระบบตัดการทำงานของไล่ฝ้าหลังโดยอัตโนมัติเมื่อเปิดใช้งานนานประมาณ 15-20 นาทีก็ตามค่ะ แต่วิธีที่ดีที่สุดคือปิดปุ่มการทำงานเมื่อฝ้าจางลงนะคะ

 

 

เส้นบนกระจกหลังอาจไม่ได้มีแค่ลวดไล่ฝ้าเพียงอย่างเดียวนะคะ เนื่องจากรถยนต์บางรุ่นนอกเหนือจากลวดไล่ฝ้าแล้ว ยังเป็นตำแหน่งของเสาอากาศวิทยุอีกด้วยนั่นเองค่ะ โดยให้สังเกตว่าหากรถรุ่นนั้นไม่มีเสาอากาศแบบก้านปกติ หรือแบบครีบฉลาม ทางผู้ผลิตก็มักจะฝังเสาอากาศเอาไว้กับเนื้อกระจกเพื่อความสวยงามนั่นเองค่ะ

เพราะฉะนั้นแล้ว หากคิดจะเปลี่ยนฟิล์มกรองแสงต้องระวังไว้ด้วยนะคะ หากรถผ่านการใช้งานมาเป็นระยะหนึ่งแล้ว สำหรับคนที่คิดอยากจะเปลี่ยนฟิล์มกรองแสงด้วยเหตุผลใดๆ ก็ตาม ควรจะระวังการลอกฟิล์มกระจกบานหลังให้ดีด้วยนะคะ เพราะมีโอกาสสูงมากที่ลวดไล่ฝ้า (รวมถึงเสาอากาศวิทยุ) จะหลุดติดออกมากับเนื้อฟิล์มเดิมนั่นเองค่ะ จะส่งผลให้ระบบไล่ฝ้าเสียหาย อาจไล่ฝ้าได้เพียงบางเส้น หรือใช้งานไม่ได้เลย และหากเสาอากาศวิทยุหลุดติดออกมาด้วยแล้ว ก็จะทำให้การรับสัญญาณไม่ชัดเจนอีกด้วยค่ะ

 

 

ดังนั้น ถ้าเป็นรถที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 5-7 ปีขึ้นไปแล้ว รวมถึงรถที่ติดตั้งฟิล์มกรองแสงที่มีความหนาของเนื้อฟิล์มเป็นพิเศษ ควรพิจารณาให้รอบคอบก่อนการเปลี่ยนฟิล์มกรองแสงด้วยจะดีมากเลยนะคะ เพราะถ้าลวดไล่ฝ้า หรือเสาอากาศวิทยุหลุดติดออกมาระหว่างการลอกฟิล์มเก่าแล้วล่ะก็ มีเพียงวิธีเดียวที่จะแก้ไขนั่นก็คือ การเปลี่ยนกระจกทั้งบานนั่นเองค่ะ เพราะไม่สามารถซ่อมแซมเฉพาะจุดได้นั่นเองค่ะ