Whoscall คือแอปพลิเคชันระบุตัวตนสายเรียกเข้าที่ไม่รู้จักและป้องกันสแปมสำหรับสมาร์ทโฟน ได้มีการเปิดเผยรายงานประจำปี 2566 เพื่อศึกษาพฤติการณ์มิจฉาชีพหลอกลวงผ่านสายโทรเข้า ข้อความ และลิงก์จากข้อความ พบมิจฉาชีพก่อกวนคนไทยเพิ่มขึ้น 12.2 ล้านครั้ง คนไทยรับข้อความหลอกลวงมากที่สุดในเอเชียถึง 58 ล้านข้อความ ซึ่งแนบลิงก์ปลอม, ลิงก์ขอล็อกอินปลอม, การดาวน์โหลดมัลแวร์อันตราย และเพจปลอมหลอกขายของหลอกลวง
จากรายงานประจำปี 2566 พบว่าคนไทยยังตกอยู่ในความเสี่ยงที่จะได้รับข้อความหลอกลวงมากถึง 58.3 ล้านข้อความ ด้วยกลโกงต่างๆ เกี่ยวกับเงินกู้และเว็บพนันมากที่สุด เตือนระวังมุขใหม่ แอบอ้างผู้ให้บริการส่งสินค้า หน่วยงานรัฐ เช่น การไฟฟ้า เพื่อหลอกเหยื่อ
ภาพรวมการหลอกลวงในเอเชียคลี่คลายลงการหลอกลวงทั้งจากสายโทรเข้าและข้อความ SMS รวม 347.3 ล้านครั้ง ลดลงจาก ปีก่อนหน้า 14% (405.3 ล้านครั้ง ในปี 2565) ลดลงต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 เนื่องจากความร่วมมือระหว่างภาครัฐบาล ภาคธุรกิจ และประชาชน เพื่อสร้างความตระหนักถึงภัยการหลอกลวงออนไลน์
คนไทยเสี่ยงถูกหลอกมากขึ้นกว่าเดิม
ขณะที่เทรนด์การหลอกลวงในเอเชียดูเหมือนจะคลี่คลายลง แต่คนไทยกลับเสี่ยงโดนหลอกจากสายโทรเข้าและข้อความ ในปี 2566 จำนวนสายที่โทรเข้า 20.8 ล้านครั้ง เพิ่มขึ้น 22% จากปี 2565 มีสถิติ 17 ล้านครั้งและข้อความหลอกลวงเพิ่มขึ้น 17% สูงถึง 58.3 ล้านข้อความ จาก 49.7 ล้านข้อความ
คนไทยรับ SMS หลอกลวงมากที่สุดในเอเชีย
Whoscall เผยจำนวนข้อความหลอกลวง เฉลี่ยคนไทย 1 คน ต้องรับ SMS ที่น่าสงสัย 20.3 ข้อความ ซึ่งมากที่สุดในเอเชีย โดยอันดับ 2 คือ ฟิลิปปินส์ จำนวน 19.3 ข้อความ และฮ่องกง จำนวน 16.2 ข้อความ แสดงให้เห็นว่าปัญหานี้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ทำให้เจ้าหน้าที่และผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์พยายามเตือนให้ประชาชนเพิ่มความระมัดระวังเพื่อป้องกันการหลอกลวงและความเสี่ยงที่อาจทำให้สูญเสียเงิน
มิจฉาชีพยังคงพุ่งเป้าส่ง SMS หลอกลวงคนไทย โดยส่วนใหญ่เป็นเรื่องพนันออนไลน์และหลอกปล่อยเงินกู้ คีย์เวิร์ดสำคัญ อาทิ ยูสใหม่ แจกฟรี ฟรี 500 ฝากครั้งแรกรับ และสร้างการหลอกลวงใหม่ๆ โดยแอบอ้างบริษัทขนส่ง และหน่วยงานรัฐ อาทิ พัสดุของท่านเสียหาย เคลมค่าเสียหายติดต่อ จดตัวเลขมิเตอร์ผิด ประกันมิเตอร์ เป็นต้น
ในเดือนมิถุนายน 2566 Whoscall เปิดให้ใช้ฟีเจอร์ใหม่ฟรีให้ผู้ใช้สามารถนำลิงก์ที่สงสัยมาวางในแอปพลิเคชั่นเพื่อตรวจสอบความเสี่ยงหรือเปิดการตั้งค่าให้ตรวจสอบจาก SMS ที่มีลิงก์แนบมาด้วย พบว่า 4.5% ของข้อความที่ได้รับมีลิงก์ที่น่าสงสัย ซึ่งแนบลิงก์หลอกให้ล็อกอินเข้าเว็บไซด์ปลอม (27%), หลอกให้ดาวน์โหลดแอปอันตราย (20%) และเข้าหน้าช๊อปปิ้งออนไลน์ปลอม (8%)
ในปัจจุบันนี้ การหลอกลวงต่างๆพัฒนาขึ้นรวดเร็วอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเลยนะคะ มีทุกรูปแบบจริงๆ เนื่องจากมิจฉาชีพใช้ข้อมูลส่วนบุคคลที่หลุดรั่ว ร่วมกับปรับรูปแบบให้แนบเนียนยิ่งขึ้น ยากที่เหยื่อจะแยกแยะและเพิ่มโอกาสที่จะหลอกลวงสำเร็จได้นั่นเองค่ะ เพราะฉะนั้นแล้ว ทุกคนต้องระมัดระวังให้มากขึ้น ใช้ชีวิตในยุคนี้ ให้รอบคอบ จะได้รู้เท่าทันกลโกงต่างๆนะคะ