บทความนี้จะมานำเสนอเกี่ยวกับเรื่อง รอยร้าว-รอยแตกของอาคาร แบบไหนอันตรายที่สุดกันนะคะ สืบเนื่องมาจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในวันที่ 28 มีนาคม 2568 เวลา 13:20 น. ตามเวลาประเทศไทย ที่ได้เกิดแผ่นดินไหวขนาด 7.3 แมกนิจูดที่ประเทศพม่า โดยมีจุดศูนย์กลางอยู่ที่บริเวณเมืองสะกาย พื้นที่ทางตอนเหนือของประเทศเมียนมา ข้อมูลจาก GEOFON และ USGS ระบุว่าแผ่นดินไหวนี้มีความลึก 10 กิโลเมตร และมีการสั่นสะเทือนที่รับรู้ได้ในหลายพื้นที่ของประเทศไทย โดยเฉพาะภาคเหนือ ภาคกลาง และกรุงเทพมหานครนะคะ และเมื่อเหตุแผ่นดินไหวผ่านพ้นไป หนึ่งในปัญหาที่เจ้าของอาคาร คอนโด และบ้านพักอาศัยต้องเผชิญคือ รอยร้าว-รอยแตกตามโครงสร้างอาคาร ซึ่งอาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงความเสียหายและอันตรายที่ซ่อนอยู่นั่นเองค่ะ พร้อมแล้วตามมาดูกันเลยค่ะว่า รอยร้าว-รอยแตกของอาคาร แบบไหนอันตรายที่สุด เพื่อให้ประชาชนสามารถประเมินเบื้องต้น ก่อนเรียกผู้เชี่ยวชาญเข้ามาตรวจสอบอีกครั้งนะคะ
รอยร้าว-รอยแตกของอาคาร แบบไหนอันตรายที่สุด
4 ประเภทของรอยร้าว-รอยแตก และระดับความอันตราย
- รอยแตกเส้นผม (Hairline Cracks) การประเมิน อันตรายต่ำ
รอยแตกประเภทนี้เป็นเพียงรอยเล็กๆ ที่มีความกว้างไม่เกินบัตรเครดิตหรือเส้นผม มักเกิดจากการหดตัวของวัสดุก่อสร้าง ยังไม่ส่งผลกระทบต่อโครงสร้าง แต่ควรเฝ้าระวังและซ่อมแซมเมื่อมีโอกาส
- รอยแตกแนวตั้ง (Vertical Cracks) การประเมิน อันตรายต่ำถึงปานกลาง
รอยแตกแนวตั้งสามารถพบได้ตามกำแพง โดยมีลักษณะบางหรือหนา หากรอยแตกมีความกว้างเกิน 5 มิลลิเมตร ควรให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบ เนื่องจากอาจเป็นสัญญาณของแรงกดทับที่ผิดปกติภายในโครงสร้างอาคาร
- รอยแตกแนวนอน (Horizontal Cracks) การประเมิน อันตรายสูง
รอยแตกแนวนอนที่พาดผ่านจากซ้ายไปขวาถือเป็นรอยแตกร้ายแรง ต้องได้รับการตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญทันที เพราะอาจหมายถึงการเคลื่อนตัวของโครงสร้างหรือปัญหาฐานรากที่ส่งผลต่อความมั่นคงของอาคาร
- รอยแตกเฉียง (Diagonal Cracks) การประเมิน อันตรายที่สุด
รอยแตกชนิดนี้มักเกิดขึ้นในมุม 30 ถึง 70 องศา ซึ่งเป็นสัญญาณของโครงสร้างที่ได้รับแรงกระทำจากแผ่นดินไหวหรือการทรุดตัวของดิน ต้องได้รับการตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญโดยด่วน เนื่องจากอาจส่งผลให้โครงสร้างอาคารพังถล่มได้
เพราะฉะนั้นแล้ว หากพบรอยร้าวภายในอาคารหลังเหตุแผ่นดินไหว ควรตรวจสอบประเภทของรอยร้าว และประเมินความเสี่ยงทันทีเลยนะคะ โดยหากเป็น รอยแตกแนวนอนหรือรอยแตกเฉียง ควรรีบปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทันที เพื่อความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัยนั่นเองค่ะ
ที่มา : เพจ The Sales-Partan โดย หมอกิม น.สพ.ธีรพงษ์ เศรษฐิวัฒน์