บทความนี้จะมานำเสนอเกี่ยวกับ “โรคจิตหลงผิด” ภัยเงียบที่ซ่อนอยู่ในจิตใจ ที่คนเป็นคิดว่าตัวเองปกติดีกันนะคะ การที่คนเรามีความเชื่อหรือความคิดเป็นของตัวเองไม่ใช่เรื่องผิด แต่หากความเชื่อหรือความคิดเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องจริงแล้วล่ะก็ อาจเข้าข่าย “โรคจิตหลงผิด” ได้นะคะ ซึ่งบอกเลยค่ะว่าโรคนี้นั้น ถือเป็นภัยเงียบที่รุนแรง เพราะผู้ป่วยส่วนใหญ่มักคิดว่าตัวเองปกติดี จึงไม่มองหา หรือต้องการความช่วยเหลือ และไม่ได้รับการรักษาในที่สุดนั่นเองค่ะ
มารู้จักภัยเงียบที่ซ่อนอยู่ในจิตใจ “โรคจิตหลงผิด” ที่คนเป็นคิดว่าตัวเองปกติดี
โรคจิตหลงผิด (Delusional Disorder)
เป็นโรคทางจิตเวชที่ผู้ป่วยจะมีอาการผิดปกติทางความคิด มีความเชื่อที่ผิดไปจากความเป็นจริงเป็นเวลามากกว่า 1 เดือน โดยพบว่าผู้ป่วยโรคนี้จะไม่มีอาการประสาทหลอนเด่นชัดเหมือนผู้ป่วยโรคจิตเภทนะคะ
สาเหตุของการเกิดโรคจิตหลงผิด ไม่ได้มีการระบุที่แน่ชัด แต่เชื่อว่ามักเกี่ยวข้องกับปัจจัยต่าง ๆ ได้แก่
– พันธุกรรม หากมีคนในครอบครัวมีประวัติเป็นโรคจิตเภท หรือโรคทางจิตเวชบางชนิด ก็มีโอกาสเกิดโรคนี้ได้มากขึ้น
– ปัจจัยด้านชีวภาพ เป็นความผิดปกติของสมอง ระบบสื่อประสาท หรือสารเคมีในสมองที่ไม่สมดุลทำให้เกิดอาการหลงผิดได้
– ปัจจัยด้านจิตใจและสังคม เชื่อว่าการเลี้ยงดูและประสบการณ์ที่ไม่ดีในวัยเด็ก อาจส่งผลให้มีการใช้กลไกทางจิตที่ทำให้เกิดอาการตามมา
– นอกจากนี้ยังพบได้ในผู้ที่มีความเครียดสูง หรือได้รับความกดดันจากสภาวะทางสังคมสูงเช่นกัน
โรคจิตหลงผิด 5 ประเภท
1. Erotomanic type คือ การหลงผิดคิดว่ามีคนมาหลงรักตัวเอง โดยเฉพาะบุคคลที่มีชื่อเสียง ดารา นักร้อง เป็นความรักที่คิดไปเองคนเดียว บุคคลเหล่านั้นไม่ได้รู้เรื่องด้วย
2. Grandiose type หรือประเภทหลงคิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่ คือ การหลงผิดคิดว่าตัวเองมีอำนาจ เป็นผู้มีอิทธิพลหรือเป็นคนสนิทเกี่ยวข้องกับบุคคลสำคัญ มีพรสวรรค์หรือมีพลังวิเศษบางอย่างที่สามารถเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ได้
3. Jealous type หรือประเภทหึงหวง คือการหลงผิดว่าคนรักของตัวเองกำลังนอกใจ ไม่ซื่อสัตย์ โดยไม่มีหลักฐานหรือเหตุผล
4. Persecutory type หรือประเภทหวาดระแวง คือการหลงผิดคิดว่าจะมีคนมาทำร้าย กลั่นแกล้งอยู่ตลอดเวลา อาจหลงผิดไปไกลจนถึงขั้นไปแจ้งความดำเนินคดีผู้อื่นทั้ง ๆ ที่ตัวเองเข้าใจผิดไปเอง
5. Somatic type หรือประเภทเจ็บป่วยจากจิตสั่ง คือการหลงผิดเกี่ยวกับร่างกายหรือรูปร่างของตัวเอง เช่น คิดว่าตัวเองป่วยเป็นโรคอะไรบางอย่าง แต่แพทย์ตรวจแล้วไม่พบความผิดปกติ หรือคิดว่าตัวเองมีกลิ่นเหม็นตลอดเวลาทั้ง ๆ ที่ปกติดี
ด้วยความที่ผู้ป่วยโรคจิตหลงผิดมักคิดว่าตัวเองปกติดี จึงยากที่จะทำให้ตัวผู้ป่วยเข้ารับการช่วยเหลือหรือเข้าสู่กระบวนการรักษา แต่คนใกล้ชิดหรือครอบครัวก็ไม่ควรละเลยและปล่อยให้ผู้ป่วยมีอาการของโรคต่อไปเรื่อย ๆ ควรสร้างความสัมพันธ์ที่ดี เข้าใจ และรับฟังสิ่งที่ผู้ป่วยคิดโดยไม่โต้แย้ง แต่ก็ไม่สนับสนุนความหลงผิดนั้น รวมถึงให้กำลังใจผู้ป่วยหากมีความเครียด หรือมีอารมณ์รุนแรงที่เป็นผลมาจากความหลงผิดนั้น
เมื่อผู้ป่วยไว้วางใจคนในครอบครัวหรือคนใกล้ชิดแล้ว แนะนำให้พามาปรึกษาจิตแพทย์เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสมกับผู้ป่วย เช่น การรับประทานยา หรือการทำจิตบำบัดเพื่อแก้ไขอาการและทำให้สุขภาพจิตดีขึ้น มองเห็นความเป็นจริงที่เป็นไปตามความจริงมากขึ้น รวมถึงช่วยปรับความคิด และพฤติกรรมการใช้ชีวิตให้กลับมาดีดังเดิมนั่นเองค่ะ
สำหรับโอกาสหายของโรคจิตหลงผิดนั้น ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรค และการตอบสนองต่อการรักษา ผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องและสม่ำเสมอ มักมีอาการดีขึ้นและสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติค่ะ เพราะฉะนั้นแล้วอย่าลืมเอาใจใส่คนในครอบครัวและคนที่เรารักกันด้วยนะคะ หากมีความผิดปกติอะไรเกิดขึ้น จะได้รักษาและป้องกันได้ทันท่วงทีนั่นเองค่ะ