บทความนี้จะมานำเสนอเกี่ยวกับเรื่อง พ.ร.ก. ไซเบอร์ ที่ ผู้บริโภคควรรู้กันนะคะ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบตามข้อเสนอของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ในการแก้ไขพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการต่อสู้กับอาชญากรรมไซเบอร์ โดยเฉพาะแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่สร้างความเสียหายให้กับประชาชนเป็นจำนวนมาก
นายจิรายุ กล่าวว่า จากข้อมูลพบว่าหลังจากที่มีการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉบับเดิมเมื่อปีที่แล้ว ความเสียหายจากอาชญากรรมไซเบอร์ลดลงอย่างเห็นได้ชัด จากเดิมเฉลี่ยวันละ 100-120 ล้านบาท ล่าสุดลดลงเหลือเพียง 60-70 ล้านบาทต่อวัน แสดงให้เห็นว่า มาตรการเดิมมีประสิทธิภาพในการป้องกัน แต่ยังมีช่องโหว่ที่ต้องเร่งแก้ไข
สาระสำคัญของการแก้ไข พ.ร.ก. ครั้งนี้ ได้แก่
– การเพิ่มอำนาจในการดำเนินการกับแพลตฟอร์ม P2P ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิด
– ารบังคับให้ผู้ให้บริการโทรคมนาคมระงับซิมการ์ดที่ใช้ในการกระทำผิด
– การเร่งรัดให้ธนาคารส่งข้อมูลบัญชีม้าไปยัง ปปง. เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย
– รวมถึงการเพิ่มบทลงโทษผู้กระทำผิดทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นผู้เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล หรือสถาบันการเงินที่เกี่ยวข้อง

นายกรัฐมนตรี ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมไซเบอร์ และได้สอบถามถึงขั้นตอนการดำเนินการ ซึ่งเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ชี้แจงว่า ร่าง พ.ร.ก.ฉบับนี้จะถูกส่งไปยังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อพิจารณาปรับปรุง และคาดว่าจะประกาศใช้ได้ภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลฯ กล่าวว่า การแก้ไข พ.ร.ก.ครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมไซเบอร์ และเป็นการแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการปกป้องสิทธิและผลประโยชน์ของประชาชน นอกจากมาตรการทางกฎหมายแล้ว รัฐบาลยังได้ร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ข้ามชาติ โดยเฉพาะกลุ่มที่ตั้งฐานปฏิบัติการอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน

นายจิรายุ กล่าวสรุปว่า พ.ร.ก.ฉบับนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของมาตรการในการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมไซเบอร์ รัฐบาลยังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาเทคโนโลยีและสร้างความตระหนักรู้ให้กับประชาชน เพื่อร่วมกันสร้างสังคมที่ปลอดภัยจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ รัฐบาลพบว่าประชาชนยังได้รับความเสียหายเฉลี่ยต่อวัน 60 – 70 ล้านบาท (ก่อนการดำเนินการมาตรการต่างๆของ ดศ. ภายใต้ รนรม. ประเสริฐ อยู่ที่ 100 – 120 ล้านบาทต่อวัน) จึงจำเป็นต้องมีมาตรการเร่งด่วนในการดำเนินการแก้ปัญหานี้ พ.ร.ก. ฉบับเดิม พ.ศ. 2566 ยังขาดอำนาจหน้าที่และการกำหนดโทษ หลาย ๆ ประเด็นโดยเฉพาะอำนาจการดำเนินการกับบัญชีม้าบนแพลตฟอร์ม P2P, อำนาจการคืนเงินให้กับประชาชน, และการรับผิดร่วมของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด

ทั้งนี้ พ.ร.ก. ฉบับนี้มีสาระสำคัญ ในการเสนอการแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.ก. ฉบับเดิม พ.ศ. 2566 ดังนี้
1. เพิ่มอำนาจการดำเนินการกับแพลตฟอร์ม P2P ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิด
2. เพิ่มหน้าที่ให้ telco provider ต้องระงับซิมที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิด
3. เพิ่มหน้าที่การส่งข้อมูลเกี่ยวกับบัญชีม้าของธนาคารต่าง ๆ ไปยัง ปปง. เพื่อตรวจสอบและคืนเงินให้กับผู้เสียหายได้รวดเร็วมากขึ้น
4. เพิ่มบทลงโทษแพลตฟอร์ม P2P รวมถึงธนาคารที่ไม่ปฏิเสธการเปิดบัญชีของคนร้าย
5. เพิ่มบทลงโทษผู้เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
6. เพิ่มบทลงโทษให้สถาบันทางการเงิน เครือข่ายมือถือ สื่อสังคมออนไลน์ มีส่วนรับผิดชอบกับความเสียหายที่เกิดขึ้น