ช่วงนี้บอกได้เลยนะคะว่าอากาศบ้านเรานั้นร้อนมากๆเลยค่ะ แต่พอเห็นบิลค่าไฟเดือนนี้กันเเล้ว หลายบ้านคงหนาวกันขึ้นมา และต้องตกใจกับค่าไฟที่ขึ้นอย่างแน่นอนใช่ไหมคะ ทั้งๆที่ก็ใช้ไฟเท่าเดิม ซึ่งเมื่อนำบิลค่าไฟมาดูเเล้วเราจะพบว่า มีค่าตัวเลขหนึ่งที่เปลี่ยนแปลงไป เเละปรากฎอยู่ในบิลค่าไฟของทุกบ้านเลย นั่นก็คือ ค่า FT นั่นเองค่ะ
แล้วค่าไฟฟ้าผันแปร หรือ ‘ค่า FT’ ที่อยู่ในบิลค่าไฟ คืออะไร สำคัญต่อการชำระค่าไฟอย่างไร มาทำความรู้จักไปพร้อมๆกันเลยค่ะ
หลายคนคงจะพอทราบข่าวที่ค่า FT ถูกปรับให้สูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ค่าไฟขึ้นตามไปด้วยโดยปริยาย โดยบิลค่าไฟฟ้าที่ทางการไฟฟ้าเรียกเก็บจากผู้ใช้งานทุกเดือนนั้น ไม่ได้มีเพียงแค่ปริมาณการใช้ไฟฟ้าของเราเพียงอย่างเดียวเท่านั้นนะคะ แต่ยังมีปัจจัยอื่นด้วย เช่น ค่า FT นั่นเองค่ะ ดังนั้นบทความนี้จะพาทุกคนไปดูกันนะคะ ว่าในบิลค่าไฟนั้นประกอบด้วยอะไรบ้าง พร้อมรู้จักกับค่า FT ว่าคำนวณจากอะไร และมีความสำคัญอย่างไรค่ะ
ข้อมูลของบิลค่าไฟฟ้า
ค่าไฟที่เราต้องจ่ายกันอยู่ทุกเดือนตามที่บิลแสดงนั้น เคยสังเกตกันไหมคะว่า ในบิลค่าไฟนั้นประกอบด้วยอะไรบ้าง ซึ่งหลัก ๆ แล้วมีอยู่ 3 ส่วนด้วยกันดังนี้ นะคะ
1. ข้อมูลทั่วไปของผู้ใช้ไฟฟ้า
ส่วนนี้จะเป็นข้อมูลของผู้ใช้ไฟฟ้า ประกอบด้วย ชื่อ นามสกุล ที่อยู่ หมายเลขผู้ใช้ไฟฟ้า วันและเวลาที่วัดหน่วยไฟฟ้า และบอกว่าบิลนี้เป็นของเดือนไหน
2. ข้อมูลประวัติการใช้ไฟฟ้า
ส่วนถัดมาจะแสดงข้อมูลการใช้ไฟฟ้า ว่าเลขที่วัดได้จากครั้งก่อน – หลัง ได้เท่าไหร่ จำนวนหน่วยไฟฟ้าที่เราใช้ไปในเดือนนั้น ๆ เท่ากับเท่าไหร่
3. รายละเอียดค่าไฟฟ้าที่เรียกเก็บ
3.1 ค่าพลังงานไฟฟ้า – หรือค่าไฟฟ้าฐาน ต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างโรงไฟฟ้า ระบบสายส่ง สายจำหน่าย และค่าการผลิตไฟฟ้า ซึ่งจะคำนวณตามประเภทผู้ใช้งาน ดังนี้
ประเภทที่ 1 บ้านอยู่อาศัย
ประเภทที่ 2 กิจการขนาดเล็ก
ประเภทที่ 3 กิจการขนาดกลาง
ประเภทที่ 4 กิจการขนาดใหญ่
ประเภทที่ 5 กิจการเฉพาะอย่าง
ประเภทที่ 6 องค์กรที่ไม่แสวงหากำไร
ประเภทที่ 7 กิจการสูบน้ำเพื่อการเกษตร
ประเภทที่ 8 ไฟฟ้าชั่วคราว
3.2 ค่าบริการรายเดือน – ค่าใช้จ่ายในการจดหน่วยไฟฟ้า ค่าจัดทำและจัดส่งบิลค่าไฟฟ้า การรับชำระเงินค่าไฟฟ้า และงานบริการลูกค้า โดยมีการเรียกเก็บมาตั้งแต่เดือนตุลาคม 2543
3.3 ค่า FT นั้น ปัจจุบันย่อมาจาก ‘Fuel Adjustment Charge (at the given time)’ เป็นต้นทุนค่าเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้า ได้แก่พวก น้ำมันดีเซล น้ำมันเตา ก๊าซธรรมชาติ ลิกไนต์ รวมไปถึงค่าซื้อไฟฟ้าจากเอกชน หรือประเทศเพื่อนบ้าน และค่าใช้จ่ายที่การไฟฟ้าไม่สามารถควบคุมได้ จะมีการปรับทุก 4 เดือน เพื่อสะท้อนการเปลี่ยนแปลงของต้นทุน โปร่งใสกับผู้ใช้ไฟฟ้า ส่งผลให้ค่าไฟ ขยับเพิ่ม-ลดตามค่า FT นั่นเองค่ะ
3.4 ภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% – เรียกเก็บตามที่กฎหมายกำหนด
โดยค่า FT หรือค่าไฟฟ้าผันแปรนั้น จะมีการเก็บข้อมูลและปรับทุก 4 เดือน ซึ่งจะคำนวณจากการเปลี่ยนแปลง ของค่าเชื้อเพลิงที่นำมาใช้ผลิตไฟฟ้า และค่าความพร้อมจ่าย
• ค่าเชื้อเพลิง แปรผันตามสถานการณ์ เนื่องจากประเทศไทยต้องพึ่งพาอาศัยเชื้อเพลิงจากต่างประเทศ จึงส่งผลให้ค่าเชื้อเพลิงที่นำเข้ามานั้นไม่คงที่ สรุปง่าย ๆ ก็คือ ค่า FT จะเปลี่ยนแปลงมาก หรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับค่าเชื้อเพลิงนั่นเอง
• ค่าความพร้อมจ่าย (Availability Payment: AP) เป็นค่าของการสำรองไฟฟ้า โดยเกิดจากการคาดการณ์ว่า เราจะใช้ไฟฟ้ากี่เมกะวัตต์ (MW) คำนวณจากประวัติการใช้ไฟฟ้าของประเทศไทย ซึ่งเคยมียอดใช้สูงสุด (Peak) อยู่ที่ 24,050 MW แต่กำลังการผลิตไฟฟ้าทั้งประเทศนั้น มีค่าความแตกต่างอยู่ 22,046 MW แต่โดยปกติแล้วการสำรองไฟฟ้าจะสำรองไว้มากกว่าความต้องการ สูงสุดที่ 15% และการสำรองไฟฟ้าที่มากเกินไป แต่ไม่ได้ใช้จริงตรงนี้แหละคือค่าไฟฟ้าที่เกิดขึ้นจากการไม่ได้ใช้ไฟฟ้า (Take or Pay) ที่จะถูกเรียกเก็บมาในบิลค่าไฟด้วย ถึงแม้จะไม่มีการจ่ายไฟฟ้าจริงก็ตาม
ความสำคัญของ ค่า FT
ค่า FT นั้น สามารถสะท้อนถึงต้นทุนของเชื้อเพลิงตามสถานการณ์จริง ซึ่งจะมีการประกาศล่วงหน้าประมาณ 4 เดือน ให้ผู้ใช้ไฟฟ้าทราบก่อน และหลังจากนั้น 3 เดือน จะทำการดูตัวเลขของค่า FT เพื่อทบทวนพิจารณาการปรับเพิ่ม-ลดค่า FT ในรอบถัดไป โดยจะมีความโปร่งใส เพราะมีคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เป็นผู้กำกับดูแลตรวจสอบ ดังนั้น ค่า FT จึงเป็นตัวปรับค่าไฟฟ้าขึ้น-ลง ตามค่าเชื้อเพลิงที่แปรผันตามสถานการณ์นั่นเองค่ะ เมื่อผู้ใช้ไฟฟ้าอย่างเรารู้ล่วงหน้าว่าจะมีการปรับค่า FT ในรอบ 4 เดือน ก็จะทำให้สามารถประเมินอัตราค่าไฟฟ้าได้ก่อน และวางแผนปรับพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้าอย่างรู้คุณค่าได้เป็นอย่างดีนั่นเองค่ะ
ที่มา : PEA,greenpeace,ddproperty,urbancreature