บทความนี้จะมานำเสนอเกี่ยวกับ ความแตกต่างระหว่าง ChatGPT กับ Google ใช้อะไรดีกว่ากันนะคะ พร้อมแล้วตามมาดูกันเลยค่ะว่าระหว่าง Google ที่เป็น Search Engine กับ ChatGPT ที่เป็น AI Chatbot เราควรใช้อะไรดี? และมีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง มาดูวิธีเลือกใช้เครื่องมือสองอย่างนี้กันดีกว่าค่ะ
ความแตกต่างระหว่าง ChatGPT กับ Google ใช้อะไรดีกว่ากัน
ChatGPT กับ Google ต่างกันยังไง?
ChatGPT กับ Google อาจจะมีความคลายกันได้แก่ เวลาที่เราอยากรู้อะไรก็จะถามไป แล้วทั้ง ChatGPT กับ Google ก็จะให้คำตอบกลับมานั่นเองค่ะ แต่จริงๆ แล้วทั้งสองอย่างนี้ไม่เหมือนกันนะคะ แล้วใช้แทนกันไม่ได้ด้วยค่ะ
– การทำงานของ ChatGPT กับ Google แตกต่างกัน Google เป็น Search Engine ขณะที่ ChatGPT ที่เป็น Chatbot นั้นแปลว่าทั้งสองสิ่งนี้ไม่เหมือนกันโดย Search Engine ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อค้นหาเว็บ โดยมันจะรวบรวมข้อมูลของเว็บต่างๆ แล้วทำการ Index คือวิเคราะห์ เนื้อหา รูปภาพ และไฟล์วิดีโอ แล้วก็นำมาแสดงผลให้เราดู ซึ่งนอกจาก Google แล้วก็ยังมี Search Engine อื่น ๆ อีกมากมาย เช่น Bing, DucDuckGo, Yahoo เป็นต้นนั่นเองค่ะ
ขณะที่ ChatGPT คือ Chatbot ที่มี AI ทำงานอยู่เบื้องหลัง ซึ่งเวลาที่เราถาม Chatbot มันก็จะสร้างคำตอบขึ้นมาใหม่ จากการประมวลผลของ AI ทำให้เวลาที่เราถามแต่ละครั้ง คำตอบก็จะไม่เคยเหมือนเดิมเลย และบางครั้งก็ไม่มีแหล่งที่มาของข้อมูล คำตอบเหล่านั้นจึงมีโอกาสผิดพลาดได้ เพราะฉะนั้นเวลาที่เราถาม AI แล้ว ก็อย่าลืมเช็กความถูกต้องอีกครั้งด้วยนะคะ
– การใช้พลังงานของ ChatGPT กับ Google แตกต่างกัน สำหรับเรื่องของความรักษ์โลก เชื่อมั้ยว่าเวลาที่แชตบอทตอบคำถามของเราก็จะใช้ไฟฟ้าในการประมวลผลมากกว่าการเสิร์ชอย่าง Google เกือบ 10 เท่าเลยทีเดียวนะคะ โดยการเสิร์ชแบบทั่วไปจะใช้พลังงานไฟฟ้าเฉลี่ยที่ 0.3 ยูนิตเท่านั้น แต่เวลาที่แชตบอทประมวลผลคำตอบมาตอบเราจะใช้ไฟฟ้าถึงปะมาณ 2.9 ยูนิตค่ะ
สรุปแล้วเราควรใช้ Chatbot หรือ Search engine ดี?
คำตอบอยู่ที่วัตถุประสงค์ในการใช้งาน ทั้งสองอย่างมีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกัน หากต้องการค้นหาข้อมูลเฉพาะเจาะจง จากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ การเลือกใช้ Google จะใช้งานได้ดีกว่า แต่ถ้าอยากได้คำตอบที่รวดเร็ว ตรงประเด็น เข้าใจง่าย และสร้างสรรค์ Chatbot ก็จะช่วยได้เยอะนั่นเองค่ะ อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบยอดการเข้าเว็บไซต์กับ Search Engine เบอร์หนึ่งของโลกอย่าง Google แล้ว ChatGPT ก็ยังมีสัดส่วนเพียง 2% เท่านั้นเอง เพราะด้วยความที่อยู่มานานกว่า ทำให้ Google มีภาษีด้านฐานข้อมูลที่เหนือกว่า และยังได้รับความไว้วางใจมากกว่า เพราะฝั่ง Generative AI เองยังมีข่าวคราวเรื่อง ‘อาการหลอน’ ที่ทำให้ผลลัพธ์ผิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริงบ้าง จนคนใช้งานอย่างเราต้องตรวจสอบทุกผลลัพธ์ให้ชัวร์อีกครั้งในการใช้งานนั่นเองค่ะ