นวดไทย  นวดแผนไทย หรือ นวดแผนโบราณ เป็นการศาสตร์การรักษาโรคชนิดหนึ่งที่ใช้การบีบ การคลึง การดัด การดึง การประคบ เพื่อบรรเทาอาการเจ็บป่วย ซึ่งหลาย ๆ คนก็คงได้เคยนวดแผนไทยกันมาบ้างแล้ว และก็รู้สึกผ่อนคลายกล้ามเนื้อจากการปวดส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น ปวดหลัง ปวดเอว ปวดคอ ปวดบ่า ปวดไหล เป็นต้น นอกจากนั้นแล้วยังรู้สึกผ่อนคลายจิตใจด้วย นับว่าการนวดไทยมีข้อดีหลายอย่างจึงทำให้เป็นการนวดที่ได้รับความนิยมทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ
นอกจากข้อดีของการนวดไทยแล้ว คนที่ชอบนวดก็ควรได้ทราบถึงข้อควรระวังของการนวดแผนไทยไว้ด้วย ซึ่งทางกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ได้บอกถึงข้อควรระวังหรือข้อห้ามในการนวดไว้ ดังนี้

  • ข้อห้ามในการนวด
    1. ห้ามนวดบริเวณที่เป็นมะเร็ง
    2. ผู้ที่มีไข้สูงเกิน 38.5 องศา
    3. บริเวณที่มีอาการอักเสบ บวม แดง ร้อน
    4. ผู้ที่มีภาวะแข็งตัวของเลือดผิดปกติ
    5. บริเวณที่กระดูกแตก หัก ปริ ร้าว ที่ยังไม่หายดี
    6. โรคติดเชื่อทางผิวหนังทุกชนิด
  • ข้อควรระวังในการนวด
    1. สตรีมีครรภ์
    2. ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง
    3. ใส่อวัยวัเทียมหลังผ่าตัดกระดูก
    4. ผุ้ที่มีภาวะกระดูกพรุน กระดูกบาง
    5. ผู้ที่เพิ่งรับประทานอาหารอิ่มใหม่ ๆ (ไม่เกิน 30 นาที) ก่อนการนวด

หลังจากการนวดอาจจะมีอาการระบมเกิดขึ้นหลังการนวดได้ โดยมีสาเหตุมาจาก

  1. อาการครั่นเนื้อครั่นตัว คล้ายมีไข้ หรืออาจจะมีไข้ต่ำ ๆ ก่อนที่จะมานวด
  2. ผู้นวดกดด้วย้ำหนักมือที่แรงจนเกินไป
  3. เป็นการนวดครั้งแรกของผู้รับบริการ กล้ามเนื้ออาจจะยังไม่คุ้นชิน และแต่ละคนมีความแข็งแรงของกล้ามเนื้อแตกต่างกัน
  4. ผู้รับบริการมีผิวบอบบาง หรือเจ้าเนื้อ อาจทำให้ช้ำง่าย

เมื่อพบว่ามีอาการระบมหลังจากการนวด โดยปกติแล้วสามารถหายได้เองภายใน 1-2 วัน โดยไม่ต้องรับประทานยาแก้ปวด อาจใช้การประคบด้วยผ้าชุบน้ำอุ่น บิดหมาดบริเวณที่ปวด ลดการใช้กล้ามเนื้อบริเวณนั้น และพักผ่อนให้เพียงพอ หากมีอาการรุนแรงขึ้นควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาวิธีการรักษาที่เหมาะสมที่สุด

ที่มา: กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก, คณะการแพทย์แผนไทย มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์