การใช้ชีวิตในยุคปัจจุบันนี้ ต้องยอมรับกันเลยนะคะ ว่าการทำธุรกรรมต่างๆผ่านทางออนไลน์นั้น เข้ามามีบทบาทในชีวิตของผู้คนในยุคนี้เป็นอย่างมากเลยค่ะ หรือพูดง่ายๆก็คือ ตอนนี้ทุกคนต้องใช้ชีวิตผ่านทางออนไลน์กันมากขึ้นนั่นเองค่ะ โดยเฉพาะธุรกิจช้อปปิงออนไลน์ ที่ต้องยอมรับเลยนะคะ ว่ามาแรงกว่าใครเลยค่ะ ทำให้คนส่วนใหญ่แทบจะไม่ได้ใช้เงินสดกันแล้วค่ะ แค่มีแอปธนาคาร หรือบัตรเครดิตก็รูดจ่ายออนไลน์ได้แบบสบายๆ และด้วยเหตุนี้ยิ่งทำให้ผู้ใช้งานอินเทอร์เนต รวมถึงธุรกิจต่าง ๆ ต้องคำนึงถึงความปลอดภัย และความเป็นส่วนตัวให้มากยิ่งขึ้นในการทำธุรกรรมการเงินต่างๆผ่านทางออนไลน์นั่นเองค่ะ ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยในการทำธุรกรรมการเงินออนไลน์ แล้ว OTP คือ ตัวช่วยสำคัญสำหรับการทำธุรกิจในยุคนี้เลยนะคะ

 

 

หลายธุรกิจต้องนำรหัส OTP เข้ามาใช้ในการทำการซื้อขายสินค้าออนไลน์ เพื่อเพิ่มความปลอดภัย และสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า ว่าการเข้าใช้งานของลูกค้าในครั้งนี้จะปลอดภัยแบบ 100% ค่ะ ดังนั้นบทความนี้จะมานำเสนอความรู้เกี่ยวกับ OTP กันนะคะ ก่อนอื่นเลย เรามาดูไปพร้อมกันนะคะ ว่า OTP คืออะไร กันก่อนเลยค่ะ

OTP คือ อะไร ?

 

 

OTP ย่อมาจากคำว่า One Time Password ซึ่งก็คือ รหัสผ่านที่สามารถใช้ได้เพียงครั้งเดียวต่อการเข้าสู่ระบบหนึ่งครั้งนั่นเองค่ะ โดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นตัวเลข หรือตัวอักษร 6 หลัก ที่มีระยะเวลาใช้งานสั้นมากเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้นค่ะ หากทำการกรอกรหัสผิด หรือกรอกช้าเกินกว่าเวลาที่กำหนดแล้ว การเข้าระบบนั้นก็จะไม่สำเร็จนั่นเองค่ะ

ดังนั้น รหัส OTP จึงมีไว้เพื่อสร้างความปลอดภัย ให้กับการเข้าใช้บัญชี หรือการทำธุรกรรมออนไลน์ต่าง ๆ นั่นเองค่ะ นอกจาก OTP จะใช้เพื่อความปลอดภัยแล้วนะคะ ธุรกิจอีกหลายอย่างยังใช้เพื่อจุดประสงค์ทางการตลาดอีกด้วยนะคะ โดยจะใช้สำหรับการส่งข้อความที่มีความเป็นส่วนตัวสูง ไปยังสมาชิกที่ได้ลงทะเบียนไว้ หรือใช้สำหรับการยื่นข้อเสนอพิเศษในแคมเปญต่าง ๆ ชนิดที่ว่าเป็นโปรโมชั่นด่วนอะไรประมาณนี้เลยค่ะ

 

 

ทำไมต้องใช้ OTP และ OTP มีความสำคัญอย่างไร

 

 

1. เพื่อยืนยันตัวตนก่อนใช้บริการ

ในการทำธุรกรรมทางด้านการเงิน ไม่ว่าจะเป็นการเข้าสู่ระบบธนาคาร การโอน/จ่ายเงิน การเข้าระบบบัตรเครดิต ล้วนแต่ต้องการความปลอดภัยทั้งนั้นค่ะ ดังนั้นการเข้ารหัส OTP จึงเป็นการยืนยันตัวตนของผู้เข้าใช้งานว่าเป็นเจ้าของบัญชีจริงๆ โดยการส่งรหัสไปยังเบอร์มือถือ หรืออีเมลที่ได้ลงทะเบียนไว้กับบริษัทนั้นๆ นั่นเองค่ะ

2. เพื่อป้องกันการแฮ็ก และลักลอบเข้าระบบ

เมื่อ OTP เป็นรหัสที่สามารถใช้ได้เพียงครั้งเดียว ไม่สามารถนำมากรอกซ้ำ หรือมาใช้ซ้ำได้ ดังนั้นการใส่รหัส OTP จึงสร้างความปลอดภัยในการเข้าสู่ระบบ เพราะเจ้าของบัญชีตัวจริงเท่านั้นถึงจะมีรหัสผ่านนี้ และสามารถเข้าสู่ระบบได้นั่นเองค่ะ

3. เพื่อให้ผู้ใช้งานไม่ต้องจำ password ให้ยุ่งยาก

ผู้ใช้หลายคนอาจจะมีปัญหา ในการจำพาสเวิร์ด หรือรหัสผ่านของแต่ละระบบไม่ได้ ซึ่งหากมีการนำ OTP มาใช้ ก็ไม่ต้องนั่งจดนั่งจำพาสเวิร์ดอีกต่อไปเลยล่ะค่ะ เพราะในการ login แต่ละครั้ง ผู้ใช้งานก็จะได้รับ OTP ที่ไม่ซ้ำกัน ได้ปุ๊บก็กรอกปั๊บ ทำให้ง่ายกว่าเดิมมากเลยค่ะ

OTP สามารถทำผ่าน 3 ช่องทางดังนี้

1. SMS OTP

 

 

SMS OTP คือ รหัสผ่านแบบใช้ครั้งเดียวที่ลูกค้าจะได้รับผ่านทาง SMS บนมือถือ เมื่อมีการพยายามเข้าใช้บัญชีธุรกรรมต่างๆ ระบบจะส่งรหัส ที่ประกอบไปด้วยตัวเลขล้วนๆ หรือ ตัวอักษรผสมตัวเลขไปยังหมายเลขโทรศัพท์ของเจ้าของบัญชี เพื่อให้ยืนยันตัวตนก่อนเข้าใช้ระบบออนไลน์

SMS OTP เป็นการส่งรหัสที่แม่นยำและใช้เวลาน้อย โดยเหมาะสมกับธุรกิจที่มีกลุ่มลูกค้าเป็นคนใช้สมาร์ทโฟน ซึ่งในปัจจุบันก็ใช้กันแทบจะทุกคนแล้วล่ะค่ะ การยืนยันตัวตนผ่าน SMS นี้ จึงนับว่าเป็นวิธีที่ง่าย และนิยมมากที่สุดก็ว่าได้นะคะ

2. Voice OTP

 

 

Voice OTP คือ รหัสผ่านแบบใช้ครั้งเดียว ที่ลูกค้าจะได้รับผ่านทางมือถือ แต่เป็นในรูปแบบเสียงแทนตัวเลขนั่นเองค่ะ โดยจะเป็นการโทรแจ้งรหัสผ่าน ด้วยเสียงพูดอัตโนมัติไปยังโทรศัพท์มือถือของเจ้าของบัญชี จากนั้นก็แค่ระบุรหัส OTP ในรหัสผ่านก็จะสามารถเข้าใช้งานระบบได้สำเร็จค่ะ

Voice OTP อาจจะเป็นวิธีที่คนไทยไม่ค่อยคุ้นเคยกันสักเท่าไหร่นะคะ แต่การเข้ารหัสแบบนี้ จะช่วยให้ธุรกิจเข้าถึงผู้ใช้ที่มีข้อจำกัดด้านการมองเห็นได้ นอกจากนี้ Voice OTP ยังเป็นช่องทางสำรองในกรณีที่ไม่สามารถส่งรหัสทาง SMS ได้อีกด้วยค่ะ

3. Email OTP

 

 

Email OTP คือ รหัสผ่านแบบใช้ครั้งเดียวที่ลูกค้าจะได้รับผ่าน Email ที่ได้ลงทะเบียนไว้นั่นเองค่ะ  เมื่อมีการพยายามเข้าใช้งานระบบที่ต้องการความปลอดภัยสูง ไม่ว่าจะเป็นการจ่ายเงิน การโอนเงิน การเข้าดูบัญชีการเงินต่าง ๆ ทางออนไลน์ ระบบก็จะส่งรหัส OTP ไปยังอีเมล และลูกค้าก็สามารถคัดลอกรหัสนั้น แล้วนำมากรอกเพื่อทำการยืนยันตัวตนได้เลยค่ะ

แม้ว่า Email OTP จะไม่ได้รับความนิยมมากเท่ากับ SMS OTP แต่หลายธุรกิจก็ยังนิยมใช้กันอยู่นะคะ หรือบางครั้งเราก็จะพบว่าการยืนยันตัวตนบางที่ จะมีให้เลือกระหว่างส่งรหัส OTP ไปยังเบอร์โทรศัพท์ (SMS) หรือทางอีเมล ซึ่งก็นับว่าเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าที่ดีเลยนะคะ และที่สำคัญนะคะ อย่าให้เลข OTP นี้กับใครนะคะ ไม่เช่นนั้นเราอาจจะตกเป็นเหยื่อของเหล่ามิจฉาชีพได้ค่ะ