Mercedes-Benz เป็นบริษัทยานยนต์เยอรมนี ในเครือ ไดมเลอร์ อาเก ผลิตทั้งรถยนต์ รถบัส รถบรรทุก ก่อตั้งโดย ก็อทลีพ ไดม์เลอร์ และ คาร์ล เบ็นทซ์ ในปี พ.ศ. 2469 มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมือง ชตุทท์การ์ท โดยในช่วงปลายปี พ.ศ. 2562 บริษัทได้ประกาศย้ายแบรนด์ Mercedes-Benz ไปอยู่ในความรับผิดชอบ ของบริษัทลูกในชื่อใหม่ เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอจี (Mercedes-Benz AG) โดยเมอร์เซเดส-เบนซ์ เอจี มีพนักงานทั้งหมดทั่วโลกอยู่ประมาณ 170,000 คน ซึ่งจะรับผิดชอบธุรกิจในส่วนของรถยนต์นั่งส่วนบุคคล (Mercedes-Benz Cars) และรถตู้ (Mercedes-Benz Vans) ของแบรนด์เมอร์เซเดส-เบนซ์นั่นเองค่ะ

 

 

 

Mercedes-Benz ได้ออกมาให้รายละเอียดเพิ่มเติม ของระบบปฏิบัติการ MB.OS (Mercedes-Benz Operating System) ที่ทางบริษัทกำลังพัฒนาอยู่ และคาดว่าจะเริ่มใช้งานได้ในช่วง “กลางทศวรรษ” (mid decade) หรือในราวๆปี 2025 นี้นั่นเองนะคะ
ซึ่งระบบปฏิบัติการ MB.OS นั้น ได้มีการใช้ทีมภายใน in-house พัฒนาร่วมไปกับสถาปัตยกรรมแพลตฟอร์มรถยนต์รุ่นใหม่ MMA platform (Mercedes Modular Architecture) โดยตัวระบบปฏิบัติการครอบคลุมตั้งแต่การขับขี่ การชาร์จ การขับขี่อัตโนมัติ ระบบภายในรถยนต์ ระบบแสดงผลข้อมูล และอื่นๆ โดย Mercedez-Benz ได้ออกมายืนยันว่า MB.OS เป็นระบบปฏิบัติการปิด (proprietary system) ที่จะเปิดให้พาร์ทเนอร์บางรายเข้ามาร่วมเชื่อมต่อเท่านั้น

 

 

พาร์ทเนอร์ของ MB.OS ที่ระบุชื่อแล้วตอนนี้ได้แก่ NVIDIA ที่จะนำชิป Orin และ Light Detection and Ranging (LiDAR) ของบริษัท Luminar มาใช้ทำระบบขับขี่อัตโนมัติ และสามารถทำการขับขี่อัตโนมัติ L3 ได้แล้วนะคะ

ทางด้านฝั่งซอฟต์แวร์ infotainment ก็ยังมีความร่วมมือกับ Googles ที่จะนำข้อมูลจาก Google Maps Platform มาเพื่อใช้งานทำระบบนำทางของ Mercedes-Benz เองยืนยันว่า – จะมีแอพ YouTube ที่ใช้งานได้ตอนจอดรถ
– วิดีโอคอลล์ผ่าน Webex และ Zoom
– เล่นเกมสตรีมมิ่งจาก Antstream
– และความร่วมมือกับ Tencent เพิ่มบริการสำหรับลูกค้าในจีนโดยเฉพาะ

 

 

 

MB.OS ยังสามารถอัพเกรดฟีเจอร์ได้เรื่อยๆ แต่ Mercedes-Benz ก็บอกเป็นนัยว่าต้องจ่ายเงินซื้อเพิ่มด้วยนะคะ โดยจะใช้วิธีอัพเกรดผ่านระบบ Mercedes me Store ตามแนวทาง “lifetime revenues” ของบริษัท ฟีเจอร์ช่วยขับขี่แบบ Level 2 จะเป็นมาตรฐานพร้อมรถทุกคันในอนาคต แต่ถ้าอยากได้ Level 3 สามารถสั่งอุปกรณ์เพิ่มได้ตั้งแต่ตอนซื้อเลย และสามารถใช้งานได้ ตามระยะเวลาที่กำหนดกันไว้ (fixed-term contract)นั่นเองค่ะ

 

 

 

Mercedes-Benz ระบุว่าเป็นแบรนด์รถยนต์รายแรกในตลาดสหรัฐอเมริกา ที่ได้รับอนุญาตให้ใช้งานระบบขับขี่อัตโนมัติ Level 3 บนถนนจริงแล้ว
ระบบนี้คือ Drive Pilot ที่ Mercedes-Benz นำมาโชว์ตั้งแต่ต้นปี 2022 และได้รับอนุมัติให้ใช้งานในเยอรมนีมาก่อนแล้ว (มีใน S-Class และ EQS)

 

 

 

ข้อจำกัดตอนนี้ คือยังได้รับอนุมัติเฉพาะถนนในรัฐเนวาดาเพียงรัฐเดียว และจำกัดที่ความเร็วไม่เกิน 40 ไมล์ต่อชั่วโมง (64 กม./ชม.) เท่ากับว่าใช้ในช่วงรถติดเป็นหลัก ผู้ขับขี่สามารถนั่งโดยไม่ต้องจับพวงมาลัย แต่ต้องไม่หลับ เพราะรถอาจขอให้กลับมาขับแทนได้ตลอดเวลา และถ้าไม่ตอบสนองภายใน 10 วินาที รถยนต์จะหยุดฉุกเฉิน

 


ในสหรัฐมีบริการแท็กซี่ไร้คนขับที่เป็น Level 4 อย่าง Waymo หรือ Cruise อยู่ก่อนแล้ว แต่กรณีของรถนั่งส่วนบุคคล เพิ่งมี Mercedes-Benz เป็นรายแรกที่ได้ Level 3 แบบจำกัดพื้นที่ ซึ่งบริษัทระบุว่าจะขออนุญาตในรัฐแคลิฟอร์เนียเป็นลำดับถัดไป

 

ที่มา – Mercedes-Benz