ในยุคปัจจุบันนี้ สิ่งที่คนขับรถหรือคนใช้รถต้องรู้นั้น ไม่ใช่แค่การขับรถแต่เพียงอย่างเดียวแล้วนะคะ ข่าวการเกิด รถเสีย รถชน การเกิดอุบัติเหตุต่างๆ รวมถึงการโดนหลอกลวงเรื่องค่าซ่อมรถ ก็มีให้เราเห็นมามากมายหลายกรณี และยิ่งนับวันจะมากขึ้นๆเรื่อยด้วยค่ะ จนเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้หลายๆคนตอนนี้ ขับรถด้วยความกลัวและหวาดระแวงตลอดเวลา เพราะมีแต่คนประมาท มีแต่คนไม่รู้จักกฎจราจร บางคนก็มักง่าย ไม่มีน้ำใจบนท้องถนนเลย บ้างก็ขับขี่ตามใจตัวเอง โดยไม่คิดถึงความเดือดร้อนของผู้อื่นเลยก็มีนะคะ ซึ่งบางคนก็อาจตั้งใจ แต่บางคนอาจขับไปด้วยความไม่รู้ คือไม่รู้ว่าแบบไหนถูก แบบไหนผิดกันแน่ แบบไหนไม่ควรทำ มารยาทในการขับรถจริงๆแล้วเป็นแบบไหน ต้องขับรถต้องใช้รถแบบไหนมันถึงจะปลอดภัย เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินต้องทำอย่างไร? ช่วยเหลือตัวเองแบบไหน? การดูการเช็ครถต้องทำอย่างไร? จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อ หรือโดนใครหลอกง่ายๆได้ค่ะ บทความนี้จึงจะมาแนะนำทักษะต่างๆที่คนใช้รถต้องรู้ต้องมี นอกจากแค่การขับรถเป็นนะคะ

 

3 ทักษะที่คนใช้รถต้องมี

1. ทักษะในการขับรถให้ปลอดภัย

หมายถึง ต้องปลอดภัยทั้งตัวเองและผู้อื่นด้วยนะคะ อย่าให้การขับรถของเราส่งผลให้คนอื่ต้องเดือดร้อนค่ะ เช่นขับรถย้อนศรเอาสะดวกตัวเอง แบบนี้ก็ห้ามทำนะคะ อันตรายมาก และข้อนี้ยังรวมถึงมารยาทในการขับรถด้วยนะคะ ไม่ใช่ขับรถเป็นอย่างเดียว เช่น การใช้แตร การใช้ไฟต่างๆ ต้องใช้ให้ถูกหลัก ถูกที่ ถูกเวลา อย่านึกจะไม่เปิดก็ไม่เปิด นึกจะจอดก็จอด แบบนี้ก็ไม่ดีนะคะ อาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดอุบัติเหตุและสร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้อื่นได้ เรามาดู 10 เทคนิคมือใหม่ ขับรถให้มั่นใจและปลอดภัยกันค่ะ

 

10 เทคนิคมือใหม่ ขับรถมั่นใจ ไปไหนก็ปลอดภัยทุกเส้นทาง

1. ศึกษาเส้นทางให้ดี ก่อนขับรถไปที่ใหม่
2. ทำความรู้จักส่วนต่างๆ ของรถให้กระจ่าง
3. ขับช้าชิดซ้ายไม่แช่เลนขวา สำคัญกว่าที่คิด
4. รักษาช่องทาง เว้นระยะห่างกับรถคันหน้าให้ดี
5. ไม่ขับเร็วจนเกินไป หมั่นดูป้ายกำหนดความเร็วข้างทาง
6. ไม่เล่นมือถือหรือแต่งหน้า ในเวลาที่ควรจับพวงมาลัย
7. เลือกที่จอดให้ดี ถ้าไม่อยากเจอเหตุไม่คาดฝัน
8. รถสตาร์ทไม่ติดต้องแก้ไหว ศึกษาวิธีทำไว้เป็นการดี
9. อย่าลืมต่อ พ.ร.บ. พร้อมภาษีประจำปีตามกฏหมาย
10. ทำประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจไว้ เกิดเหตุเมื่อไหร่ก็รับมือไหว

2. ทักษะในการเอาตัวรอดเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน

 

ทักษะอันนี้ก็จำเป็นอย่างยิ่งเลยนะคะ ยกตัวอย่างเช่น เมื่อเวลารถเสียหลัก รถยางแตก รถเกิดอาการควบคุมไม่ได้แล้ว เราต้องทำอย่างไร เพื่อให้ไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ และเกิดความเสียหายให้น้อยที่สุดทั้งกับตัวเองและเพื่อนร่วมทาง มาดูวิธีการรับมือกับเหตุการณ์ฉุกเฉินระหว่างขับรถกันค่ะ

วิธีการรับมือกับเหตุการณ์ฉุกเฉินระหว่างขับขี่ 6

1. ไฟหน้าขัดข้อง

ในกรณีที่ไฟหน้าขัดข้อง ซึ่งอาจเกิดจากแบตเตอรี่อ่อน หรือสายไฟขัดข้องทำให้ไฟหน้ารถยนต์ทำงานไม่เป็นปกติ ส่งผลให้การขับขี่โดยเฉพาะในเวลากลางคืน หรือ ในสถาพถนนที่มีทัศนวิสัยไม่ดีนั้นเป็นอันตรายอย่างยิ่ง ดังนั้นก่อนออกเดินทาง ควรตรวจสอบว่าไฟหน้ารถยังทำงานได้เป็นปกติ ในขณะขับขี่ควรหมั่นสังเกตว่าไฟหน้ายังทำงานอยู่เป็นปกติหรือไม่ หากพบว่ามีการทำงานขัดข้อง ให้ผู้ขับขี่ลดความเร็วลงเพื่อมองหาจุดปลอดภัยเพื่อจอดเทียบ และขอความช่วยเหลือจากหน่วยบริการฉุกเฉิน

2. กระจกหน้ารถแตก

ในกรณีที่กระจกหน้ารถแตก ซึ่งอาจเกิดจากการที่ต้องขับขี่บนถนนที่ผิวทางชำรุด มีเศษหินหรือของแข็ง ดังนั้นผู้ขับขี่ควรเว้นระยะห่างจากรถคันหน้า เพื่อป้องกันเศษหินหรือของแข็งกระเด็นมาโดนกระจกหน้ารถ แต่หากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขอให้ผู้ขับขี่อย่าตกใจ ให้ตั้งสติแล้วลดความเร็วลง มองหาจุดปลอดภัยเพื่อจอดเทียบและขอความช่วยเหลือจากหน่วยบริการฉุกเฉิน

3. ยางแตก

ยางแตกนับเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่น่าตกใจนะคะ เนื่องจากมักเกิดเสียงดังสนั่นขณะขับขี่ ดังนั้นผู้ขับขี่ควรตรวจสอบให้ยางรถอยู่ในสภาพพร้อมใช้ก่อนออกเดินทางทุกครั้ง ในกรณีที่ยางแตกจะทำให้ยานพาหนะของผู้ขับขี่เอียงไปด้านใดด้านหนึ่ง ดังนั้นไม่ควรเหยียบเบรกแบบทันทีทันใด ให้ค่อยๆแตะเบรกเป็นระยะเพื่อลดความเร็วลงอย่างช้าๆจับพวงมาลัยให้แน่นเพื่อประคองทิศทางเพื่อนำรถจอดเทียบข้างทางหลัง จากนั้นเพื่อประเมินเหตุการณ์ว่า สามารถเปลี่ยนยางอะไหล่ใส่แทนได้หรือไม่ ในกรณีที่ท่านไม่มียางอะไหล่ให้ขอความช่วยเหลือจากหน่วยบริการฉุกเฉิน

4. เครื่องยนต์ขัดข้อง

เครื่องยนต์ขัดข้องสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ดังนั้นผู้ขับขี่ควรนำรถเข้าตรวจสอบที่ศูนย์ให้บริการภายในระยะเวลาที่กำหนด ในกรณีที่เครื่องยนต์ขัดข้องในขณะขับขี่ให้เปิดไฟฉุกเฉิน แล้วเหยียบเบรกเป็นระยะๆ เพื่อเป็นสัญญาณบอกให้กับผู้ขับขี่ท่านอื่นทราบว่ารถของท่านกำลังมีปัญหา แล้วให้พยายามนำรถจอดเทียบข้างทางเพื่อขอความช่วยเหลือจากหน่วยบริการฉุกเฉิน

5. เบรกขัดข้อง

ระบบเบรกขัดข้องนับเป็นเรื่องที่อันตรายอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อเกิดขึ้นในขณะที่ผู้ขับขี่ใช้ความเร็วสูง ดังนั้นผู้ขับขี่ควรใช้ความเร็วที่เหมาะสมในขณะขับขี่ และหมั่นตรวจสอบว่าเบรกยังทำงานได้เป็นปกติทุกครั้งก่อนออกเดินทาง เมื่อเกิดเหตุการณ์เบรกขัดข้องให้บีบแตรเป็นระยะเพื่อเป็นการส่งสัญญาณให้ผู้สัญจรหรือผู้ขับขี่ท่านอื่นทราบว่าเบรกของท่านกำลังมีปัญหา จากนั้นค่อยๆลดความเร็วลงเพื่อนำรถจอดเทียบข้างทางเพื่อขอความช่วยเหลือจากหน่วยบริการฉุกเฉิน

6. คันเร่งค้าง

ปัญหาคันเร่งค้างไม่ใช่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง แตเราควรทราบวิธีรับมือเพื่อหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้ ในกรณีที่คันเร่งค้างให้เปลี่ยนเป็นเกียร์ว่างทันที ค่อยๆแตะเบรกเพื่อนำรถจอดเข้าข้างทาง และทันทีที่นำรถออกพ้นทางแล้ว จึงดับเครื่องยนต์เพื่อป้องกันเครื่องยนต์ชำรุด และให้ขอความช่วยเหลือจากหน่วยบริการฉุกเฉิน

3. ทักษะการดูแลและตรวจเช็คสภาพรถ

 

เป็นอีกหนึ่งทักษะที่สำคัญมากในตอนนี้ เพราะคนใช้รถส่วนใหญ่ไม่มีความรู้เรื่องนี้ ทำให้สิ่งที่ตามมาก็คือ รถเกิดการเสียหายโดยที่เราไม่รู้ตัว ซึ่งบางคนรู้อีกทีก็สายเกินไปแล้วเสียค่าซ่อมไปเยอะมาก และถ้าหากเราตรวจเช็ครถไม่เป็นเลย หรือไม่มีทักษะเหล่านี้เลย เวลารถเสียนำรถไปซ่อมเราจะไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเงินที่เราเสียไปนั่น มันคุ้มค่ากับที่ถูกซ่อมแซมจริงหรือไม่ หลายๆคนกลัวจนไม่กล้าจะนำรถไปซ่อมกันแล้วเพราะแต่ละรอบต้องเสียค่าใช้จ่ายไปไม่ใช่น้อย จากการที่เราไม่รู้ ดังนั้นทักษะนี้ถ้าเรามีความรู้บ้าง ศึกษาเพิ่มเติมบ้าง มันก็จะทำให้เรา มีข้อมูลมีความรู้ไปคุยกับช่าง เอาไว้เช็ครถเวลาซ่อมมาแล้วบ้าง ก็คงพอจะช่วยให้เราไม่ถูกหลอกเราง่ายๆอีกต่อไปค่ะ เพราะบางเรื่องรู้ไว้ก็น่าจะมีประโยชน์มากกว่านะคะ