บทความนี้จะมานำเสนอเกี่ยวกับเรื่อง มารู้จักกับ WLTP กับ NEDC สิ่งที่ต้องให้ความสำคัญก่อนซื้อรถ EV กันนะคะ ในยุคปัจจุบันนี้ สายประหยัดเงินค่าน้ำมันหลายคนเลือกที่จะมองหารถยนต์ไฟฟ้าหรือ EV ที่ตอนนี้ตัวเลือกเต็มตลาดไปหมดเลยนะคะ แน่นอนว่าสิ่งหนึ่งที่กลุ่มคนเหล่านี้ต้องดูและมักจะเห็นในโบรชัวร์ก็คือ “ระยะทางวิ่งสูงสุด” ซึ่งมักจะตามมาด้วยตัวย่อภาษาอังกฤษอย่าง WLTP หรือ NEDC สองมาตรฐานนี้คืออะไร ? พร้อมแล้วตามมาดูรายละเอียดกันเลยค่ะ

 

มารู้จักกับ WLTP กับ NEDC สิ่งที่ต้องให้ความสำคัญก่อนซื้อรถ EV

 

 

 

NEDC และ WLTP คืออะไร

ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่ามาตรฐานทั้งสองนี้คืออะไร  และมีความแตกต่างกันอย่างไรนะคะ

NEDC (New European Driving Cycle) เริ่มจากชื่อแรกเป็นมาตรฐานการทดสอบแบบเก่าที่เริ่มใช้ในยุโรปมาตั้งแต่ยุค 80s การทดสอบของ NEDC ทั้งหมดเกิดขึ้นในห้องปฏิบัติการ (Lab Test) โดยจำลองการขับขี่ในเมืองและนอกเมืองด้วยรูปแบบที่ค่อนข้างตายตัว ไม่ซับซ้อน และใช้ความเร็วไม่สูงนัก ลักษณะการทดสอบ เกิดขึ้นในห้องแล็บทั้งหมด โดยจะจำลองการขับขี่ในเมืองและนอกเมืองแบบง่ายๆ ทำให้เกิดข้อด้อยนั่นคือไม่สะท้อนการขับขี่จริงในปัจจุบัน ทำให้ตัวเลขระยะทางที่ได้มักจะ สูงเกินจริง (Optimistic) ไปมาก แม้ว่าจะเป็นมาตรฐานที่ล้าสมัยไปแล้ว แต่รถยนต์ไฟฟ้าบางรุ่นโดยเฉพาะรุ่นที่เปิดตัวมาก่อนปี 2018 หรือรถจากผู้ผลิตบางค่ายยังคงมีการอ้างอิงตัวเลขจากมาตรฐานนี้อยู่ และด้วยความที่มาตรฐานนี้ตัวเลขสูงจนทำได้ไม่จริงก็เลยเป็นที่มาของตัวย่ออีกแบบที่ทำให้หลายคนเข้าใจผิดไปเลยคือ Not Even Dam Close WLTP (Worldwide Harmonized Light Vehicles Test Procedure)

 

 

 

Not Even Dam Close WLTP (Worldwide Harmonized Light Vehicles Test Procedure)

เป็นมาตรฐานใหม่ระดับโลกที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อแทนที่ NEDC โดยเริ่มใช้งานอย่างเป็นทางการในปี 2017 การทดสอบของ WLTP ถูกออกแบบมาให้มีความซับซ้อน สมจริง และใกล้เคียงกับการใช้งานในชีวิตประจำวันของผู้คนทั่วโลกมากขึ้น ลักษณะการทดสอบ ยังคงทดสอบในห้องแล็บเพื่อควบคุมตัวแปร แต่จำลองสถานการณ์ได้สมจริงกว่าแต่ ใช้การทดสอบมีความหลากหลายและซับซ้อนกว่ามาก โดยแบ่งเป็น 4 ช่วงความเร็ว (ต่ำ, กลาง, สูง, สูงมาก) มีการเร่งและเบรกที่สมจริงกว่า ใช้ระยะเวลาและระยะทางในการทดสอบมากกว่า NEDC ทำให้ตัวเลขระยะทางที่ ใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากกว่า NEDC อย่างมีนัยสำคัญ

 

โดยทั่วไปแล้ว สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าคันเดียวกัน ตัวเลขระยะทางตามมาตรฐาน WLTP จะน้อยกว่า NEDC ประมาณ 20-30% เหตุผลที่ตัวเลขจากแล็บไม่เท่ากับระยะทางบนถนนจริง แม้ว่า WLTP จะเป็นมาตรฐานที่น่าเชื่อถือกว่ามาก แต่ก็ยังคงเป็นการทดสอบในห้องปฏิบัติการภายใต้เงื่อนไขที่ถูกควบคุมไว้อย่างสมบูรณ์แบบ เช่น อุณหภูมิที่ 23 องศาเซลเซียส และไม่ได้เปิดใช้งานระบบปรับอากาศ (แอร์) ซึ่งในชีวิตจริง มีปัจจัยมากมายที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อระยะทางที่รถยนต์ไฟฟ้าสามารถวิ่งได้

 

ปัจจัยหลักที่ทำให้ระยะทางวิ่งจริงลดลง

1. สไตล์การขับขี่ การเร่งความเร็วกะทันหัน, การขับด้วยความเร็วสูงต่อเนื่องบนทางด่วน หรือการเบรกอย่างรุนแรง จะใช้พลังงานมากกว่าการขับขี่แบบนุ่มนวล

2. สภาพอากาศ อากาศที่เย็นจัดจะส่งผลต่อประสิทธิภาพของแบตเตอรี่โดยตรง ทำให้ระยะทางลดลงได้ถึง 10-20% นอกจากนี้ การเปิดฮีตเตอร์หรือแอร์ก็ดึงพลังงานจากแบตเตอรี่เช่นกัน

3. สภาพเส้นทาง การขับรถขึ้นทางลาดชัน, การขับในสภาพการจราจรที่ติดขัดต้องหยุดและออกตัวบ่อยครั้ง ย่อมสิ้นเปลืองพลังงานมากกว่าการขับบนทางเรียบด้วยความเร็วคงที่

4. การบรรทุกและแรงต้าน น้ำหนักบรรทุกที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการติดตั้งอุปกรณ์เสริม เช่น กล่องเก็บของบนหลังคา จะเพิ่มแรงต้านอากาศและทำให้รถใช้พลังงานมากขึ้น

5. ลมยาง ลมยางที่อ่อนเกินไปจะเพิ่มแรงเสียดทานและส่งผลให้ระยะทางลดลง

 

ซื้อรถ EV ต้องเผื่อเท่าไหร่ ?

วิธีประเมินระยะทางใช้งานจริง เมื่อเข้าใจถึงความแตกต่างและปัจจัยต่างๆ แล้ว คำถามสำคัญคือเราควรจะคาดการณ์ระยะทางที่ใช้งานได้จริงอย่างไร?

1. ยึดมาตรฐาน WLTP เป็นหลัก หากมีข้อมูลให้เปรียบเทียบ ให้ยึดตัวเลขจากมาตรฐาน WLTP เป็นเกณฑ์หลัก ในการพิจารณา เพราะมีความใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากกว่า NEDC

2. ใช้สูตรคำนวณคร่าวๆ ถ้าเจอแต่ค่า NEDC: ให้นำตัวเลขระยะทาง NEDC หารด้วย 1.25 หรือ 1.3 เพื่อประเมินเป็นค่า WLTP โดยประมาณ ตัวอย่าง: รถประกาศระยะทาง 500 กม. (NEDC) -> ระยะทางคาดการณ์แบบ WLTP คือ 500 / 1.25 = 400 กม. จากค่า WLTP สู่การใช้งานจริง: จากตัวเลข WLTP ที่ได้ ให้นำมา คูณด้วย 0.80 – 0.85 (หรือลดลงประมาณ 15-20%) เพื่อเป็นระยะทางที่คาดว่าจะใช้งานได้จริงในสภาวะปกติ ตัวอย่าง: รถมีระยะทาง 400 กม. (WLTP) -> ระยะทางใช้งานจริงที่ควรคาดหวังคือ 400 x 0.85 = 340 กม.

3. พิจารณาพฤติกรรมการใช้งานของคุณ

 

สุดท้ายแล้ว ตัวเลขที่ดีที่สุดคือตัวเลขที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของคุณ ลองตอบคำถามเหล่านี้

– คุณขับรถเร็วเป็นประจำหรือไม่?

– เส้นทางที่คุณใช้ส่วนใหญ่เป็นทางด่วน, ในเมืองรถติด หรือทางขึ้นเขา?

– คุณอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีอากาศหนาวเย็นบ่อยหรือไม่?

 

หากคำตอบส่วนใหญ่คือ “ใช่” คุณอาจจะต้องเผื่อระยะทางลดลงจากค่า WLTP มากกว่า 20% แต่ถ้าคุณเป็นคนขับรถนุ่มนวล ใช้เส้นทางในเมืองเป็นหลัก ระยะทางที่ได้จริงก็อาจจะใกล้เคียงกับตัวเลขที่คำนวณไว้นั่นเองค่ะ

 

จะเห็นได้ว่า WLTP และ NEDC ไม่ได้เป็นเพียงแค่มาตรฐานที่ต่างกัน แต่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้าอย่างมาก หากคุณอยากได้ตัวเลขที่ใช้งานจริงได้จริง ควรยึดมาตรฐาน WLTP เป็นหลักในการพิจารณา เพราะสะท้อนการขับขี่ในโลกจริงได้อย่างแม่นยำและตรงไปตรงมามากกว่า