บทความนี้จะมานำเสนอเกี่ยวกับเรื่อง เอกสารที่ต้องใช้ ขึ้นทะเบียนฝังไมโครชิป หมา-แมว ฟรีกันนะคะ พร้อมแล้วตามมาดูรายละเอียด ขั้นตอน ขึ้นทะเบียนหมา-แมว ฝังไมโครชิปฟรี ต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้าง เช็กพิกัด 8 คลินิกในกทม.ให้บริการ เผย ขนาดที่พักแบบไหนเลี้ยงได้กี่ตัวกันได้เลยค่ะ

 

 

เอกสารที่ต้องใช้ ขึ้นทะเบียนฝังไมโครชิป หมา-แมว ฟรี

 

 

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯกทม. กล่าวแนวทางดำเนินการตามข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง การควบคุมการเลี้ยงหรือปล่อยสัตว์ พ.ศ. 2567 ซึ่งจะประกาศใช้อย่างเป็นทางการในวันที่ 10 ม.ค.69 โดยสาระสำคัญคือ การกำหนดให้เจ้าของสัตว์เลี้ยงประเภทสุนัขและแมวในพื้นที่กรุงเทพฯ ต้องนำสัตว์เลี้ยงของตนไปขึ้นทะเบียนและฝังไมโครชิป เพื่อสร้างระบบฐานข้อมูลที่สามารถควบคุม ติดตาม และช่วยเหลือสัตว์เลี้ยงกรณีพลัดหลงได้ เจตนารมณ์ของข้อบัญญัตินี้มุ่งหวังที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตของสัตว์เลี้ยง ป้องกันปัญหาการทอดทิ้งสัตว์จนกลายเป็นสัตว์จรจัด และเพื่อสุขอนามัยที่ดีของประชาชนโดยรวม

 

นอกจากนี้ ข้อบัญญัติยังครอบคลุมถึงการควบคุมจำนวนสัตว์เลี้ยงให้เหมาะสมกับขนาดของพื้นที่ แต่ได้ผ่อนปรนให้สำหรับประชาชนที่เลี้ยงสัตว์เกินจำนวนที่กำหนดไว้ก่อนวันที่ข้อบัญญัติจะมีผลบังคับใช้ โดยสามารถเลี้ยงสัตว์เหล่านั้นต่อไปได้จนสิ้นอายุขัย เพียงแต่ต้องไปแจ้งเรื่องต่อสำนักงานเขต และห้ามมีการขยายพันธุ์เพิ่ม ด้าน น.ส.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าฯกทม. กล่าวว่า รายละเอียดเกี่ยวกับขั้นตอนการลงทะเบียนนั้น เจ้าของสามารถนำสุนัขและแมวไปรับบริการฉีดฝังไมโครชิปได้ฟรีที่คลินิกสัตวแพทย์ของ กทม. ทั้ง 8 แห่ง และหน่วยสัตวแพทย์เคลื่อนที่ที่จะหมุนเวียนไปตาม 50 เขต หรือสามารถรับบริการได้ที่สถานพยาบาลสัตว์เอกชน (อาจมีค่าใช้จ่าย)

 

สำหรับคลินิกสัตวแพทย์ กทม. ที่ให้บริการยื่นคำขอจดทะเบียนและฉีดฝังไมโครชิปฟรี มี 8 แห่ง ดังนี้

 

 

 

1. คลินิกสัตวแพทย์ กทม. 1 (สี่พระยา) เขตบางรัก โทร. 0-2236-4055 ต่อ 213 2. คลินิกสัตวแพทย์ กทม.

2 (มีนบุรี) เขตมีนบุรี โทร. 0-2914-5822 3. คลินิกสัตวแพทย์ กทม.

3 (วัดธาตุทอง) เขตวัฒนา โทร. 0-2392-9278 ต่อ 118 4. คลินิกสัตวแพทย์ กทม.

4 (บางเขน) เขตจตุจักร โทร. 0-2579-1342 ต่อ 15 5. คลินิกสัตวแพทย์ กทม.

5 (วัดหงส์รัตนาราม) เขตบางกอกใหญ่ โทร. 0-2472-5895 ต่อ 109

6. คลินิกสัตวแพทย์ กทม. 6 (ช่วงนุชเนตร) เขตจอมทอง โทร. 0-2476-6493 ต่อ 1104

7. คลินิกสัตวแพทย์ กทม. 7 (บางกอกน้อย) เขตบางกอกน้อย โทร. 0-2411-2432

8. กลุ่มควบคุมโรคพิษสุนัขบ้า เขตดินแดง โทร. 0-2245-3311

 

เอกสารที่เจ้าของต้องใช้ในการยื่นคำขอจดทะเบียนเพื่อรับบัตรประจำตัวสัตว์ (คลส.3) ที่สำนักงานเขตหรือคลินิกสัตวแพทย์ กทม. ประกอบด้วย

– บัตรประชาชนของเจ้าของ

– ทะเบียนบ้านที่สัตว์อาศัยอยู่

– หนังสือรับรองการฉีดวัคซีน,

– หนังสือรับรองการทำหมัน (ถ้ามี)

– หนังสือยินยอมจากผู้ให้เช่า (กรณีเป็นผู้เช่า)

– หนังสือมอบอำนาจ (หากให้ผู้อื่นดำเนินการแทน)

 

ทั้งนี้ เจ้าของต้องนำสุนัขและแมวไปฝังไมโครชิปและจดทะเบียนภายใน 120 วันนับตั้งแต่สัตว์เกิด หรือภายใน 30 วันนับแต่วันที่นำสัตว์เข้ามาเลี้ยงในเขตกรุงเทพมหานคร โดยประโยชน์ของการดำเนินการดังกล่าว คือ – ไมโครชิปจะอยู่กับสัตว์ไปตลอดชีวิต ไม่สูญหาย ช่วยเพิ่มโอกาสในการติดตามหาเจ้าของเมื่อสัตว์พลัดหลง, ใช้เป็นเครื่องมือระบุตัวตนกรณีเกิดข้อพิพาท และช่วยป้องกันการทอดทิ้งสัตว์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

ด้านพื้นที่และจำนวนการเลี้ยงหมาแมวที่กำหนดไว้ คือ

– ห้องเช่าหรืออาคารชุด (คอนโดมิเนียม) ขนาด 20-80 ตารางเมตร เลี้ยงได้ 1 ตัว,

– ห้องเช่าหรืออาคารชุด (คอนโดมิเนียม) ขนาด 80 ตารางเมตร ขึ้นไป เลี้ยงได้ไม่เกิน 2 ตัว

– เนื้อที่ดิน ไม่เกิน 20 ตารางวา เลี้ยงได้ 2 ตัว

– เนื้อที่ดิน ไม่เกิน 50 ตารางวา เลี้ยงได้ 3 ตัว

– เนื้อที่ดิน ไม่เกิน 100 ตารางวา เลี้ยงได้ 4 ตัว

– เนื้อที่ดิน 100 ตารางวา ขึ้นไป เลี้ยงได้ไม่เกิน 6 ตัว

สำหรับผู้ที่เลี้ยงสัตว์เกินจำนวนที่กำหนดก่อนวันที่ 10 ม.ค.69 จะต้องแจ้งการเลี้ยงสัตว์เกินจำนวนต่อสำนักงานเขตภายใน 90 วัน (ระหว่างวันที่ 10 ม.ค.-9 เม.ย. 2569) ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์เพื่อประกอบกิจการ เช่น ฟาร์ม, คาเฟ่สัตว์ หรือร้านขายสัตว์ จะต้องปฏิบัติตามข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง กิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ พ.ศ. 2561 ส่วนสัตว์ประเภทอื่น เช่น สัตว์น้ำ, สัตว์เลื้อยคลาน หรือสัตว์ดุร้าย ไม่จำเป็นต้องฝังไมโครชิปและจดทะเบียน แต่เจ้าของยังคงมีหน้าที่ต้องควบคุมการเลี้ยงอย่างเข้มงวด และห้ามปล่อยในที่สาธารณะโดยเด็ดขาด

 

ทั้งนี้ การเลี้ยงสัตว์เพื่อจำหน่ายหรือเลี้ยงไว้เป็นเพื่อน หากเข้าข่ายเป็นกิจการที่อาจก่อให้เกิดเหตุรำคาญหรือเป็นอันตรายต่อสุขภาพ จะอยู่ภายใต้การควบคุมของ พระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. 2535 มาตรา 29 กำหนดว่า ผู้ใดฝ่าฝืนคำสั่งห้ามประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ มีโทษปรับไม่เกิน 25,000 บาท และข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครว่าด้วยกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพจะกำหนดรายละเอียดและควบคุมการเลี้ยงสัตว์ เช่น สัตว์เลี้ยงเพื่อการค้าหรือเลี้ยงไว้เป็นเพื่อน เพื่อป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของประชาชนอย่างละเอียด