10 อันดับสาเหตุที่ทำให้มือถือ Android ชาร์จไฟช้า มีดังนี้

 

 

1. สายชาร์จอยู่ในสภาพดีหรือไม่

สายชาร์จที่ผ่านการงานใช้งานมานาน ผ่านการไปเที่ยว โดนเหยียบ พันกัน การพับใส่กระเป๋า จนงอ ลองสังเกตว่าสายนั้นอยู่ในสภาพดีหรือไม่ หรือชำรุดหรือไม่ หากเกิดชำรุดแล้ว วิธีแก้ไข คือการซื้อสายใหม่ค่ะ

2. สำรวจอแดปเตอร์

ตรวจสอบว่าไม่มีความเสียหายที่มีนัยสำคัญ ปลั๊กที่งอ หรือมีรอยร้าวอาจเป็นสัญญาณบ่งบอกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ทั้งนี้ส่วนใหญ่อแดปเตอร์ชาร์จ ที่มาพร้อมกับมือถือคุณมีความทนทานกว่าสายชาร์จมือถือเสียอีกนะคะ

3. ตรวจสอบพอร์ตชาร์จมือถือ

สาเหตุที่พบบ่อยที่สุดประการหนึ่งที่ทำให้แบตเตอรี่ชาร์จช้าคือ สิ่งสกปรก ฝุ่น บนพอร์ตมือถือเยอะเกินไป ให้พยายามทำความสะอาดด้วยลมอัด หรือแปรงขนาดเล็ก คุณสังเกตเห็นว่าพอร์ต หรือที่ชาร์จรู้สึกหลวมกว่าเมื่อก่อนหรือไม่ บางครั้งพอร์ตเหล่านี้อาจชำรุดทำให้แบตเตอรี่ชาร์จช้าลงได้ค่ะ

4. คุณมีแหล่งไฟฟ้าที่เข้าน้อยเกินไปหรือไม่

กรณีนี้ไม่น่าจะเป็นปัญหาหากคุณใช้ที่ชาร์จ และสายชาร์ตแบบไฟบ้าน แต่อาจเป็นได้หากคุณตัดสินใจชาร์จแบตเตอรี่ด้วยอย่างอื่นที่ไม่ใช่ไฟบ้าน บางครั้งชอบชาร์จโทรศัพท์โดยใช้พอร์ต USB บนแล็ปท็อป หรือบนที่ชาร์จรถยนต์ ดังนั้นแนะนำเปลี่ยนไปชาร์จด้วยใช้ไฟบ้านของคุณจะดีกว่าค่ะ

5. ใช้อุปกรณ์ชาร์จที่เหมาะสม

คุณเคยเปลี่ยนที่ชาร์จ หรือสายชาร์จตั้งแต่ได้รับโทรศัพท์มาหรือไม่ เพราะนี่อาจเป็นสาเหตุว่าทำไมแบตเตอรี่โทรศัพท์ของคุณจึงใช้เวลานานในการชาร์จ บางครั้งอุปกรณ์เหล่านี้เข้ากันไม่ได้ นอกจากนี้ โทรศัพท์ของคุณอาจไม่สามารถรองรับการชาร์จเร็วด้วยซ้ำ และหากเป็นเช่นนั้น ก็มีโอกาสเล็กน้อยที่ผู้ผลิตของคุณจะไม่มีสายชาร์จ หรือ อะแดปเตอร์แบบชาร์จเร็ว ดูข้อมูลจำเพาะของโทรศัพท์ของคุณและรับอุปกรณ์ชาร์จที่ถูกต้องสำหรับมือถือคุณ และโปรดทราบว่าการชาร์จแบบไร้สายนั้น ไม่ได้ทำเหมือนกันทั้งหมด ที่ชาร์จไร้สายบางรุ่นเร็วกว่ารุ่นอื่นก็มีนะคะ

6. ดูแอปของคุณใช้แบตเยอะแค่ไหน

มีแอปหลอกลวง สามารถทำอะไรได้มากกว่าเพื่อกินแบตเตอรี่ของคุณ และทำให้ชาร์จแบตได้ช้า แอพ Android มักจะบู๊ตตัวเอง หรือทำงานบนพื้นหลังหลังจากเปิดเพียงครู่เดียว แม้ว่าสิ่งนี้เคยเป็นปัญหาที่ใหญ่กว่าที่เป็นอยู่ Android กำลังจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพได้ดีขึ้น การรันแอปหรือสองแอพอาจทำให้ประสิทธิภาพของโทรศัพท์ของคุณกินแบตมากขึ้น วิธีการแก้ไขที่ดีที่สุดคือ ปิดแอป จำกัดการรันแอปพื้นหลัง และถอนแอปออกจากเครื่อง

7. คุณใช้โทรศัพท์ขณะชาร์จหรือไม่

การใช้โทรศัพท์ขณะเสียบปลั๊ก อาจใช้พลังงานมากเกินไป และทำให้แบตเตอรี่ชาร์จช้าลง และทำให้ตัวแบตเตอรี่ร้อนขึ้น ทั้งนี้การโทรศัพท์ขณะชาร์จแบตทำให้คลื่นกระแสไฟฟ้าเข้าผ่านตัวเราได้อีกด้วยนะคะ

8. เครื่องฟ้องว่าแบตจะหมด

อาจเป็นเพราะแบตเตอรี่ของคุณเสีย แบตเตอรี่ย่อมเสื่อมลงตามระยะเวลาการใช้งานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ วิธีที่ง่ายที่สุดและให้ประสิทธิภาพสูงสุดคือ ซื้อแบตเตอรี่ใหม่ค่ะ

9. ตั้งค่าข้อมูลโรงงาน เริ่มต้นใหม่

สำหรับมือถือเก่า สิ่งสุดท้ายที่ต้องลองก่อนที่จะปล่อยมือถือเครื่องเก่า อาจเป็นการรีเซ็ตข้อมูลเป็นค่าเริ่มต้น กระบวนการนี้จะลบทุกอย่างในอุปกรณ์ของคุณและเริ่มต้นใหม่ทั้งหมด ทำให้เครื่องของคุณดูเหมือนใหม่ตอนเปิดเครื่องครั้งแรก สิ่งนี้ทำให้ปรับปรุงการชาร์จช้า เพราะบางครั้งแอปและกระบวนการของโทรศัพท์อาจใช้ทรัพยากรในโทรศัพท์ของคุณ และอาจเป็นเรื่องยากที่จะระบุว่าเกิดอะไรขึ้น GPS ใช้งานมากเกินไปหรือไม่? บางทีปัญหาอาจอยู่ที่แอประบบ หรือหนึ่งในหลายสิบแอปของคุณกำลังทำงานหนักอยู่ การรีเซ็ตข้อมูล เป็นค่าเริ่มต้น จะทำให้ข้อมูลทั้งหมดกลับสู่การเริ่มต้นใหม่ และหากโทรศัพท์มือถือคุณยังคงชาร์จช้า หลังจากการล้างข้อมูลทั้งหมด แสดงว่าปัญหาอาจเกิดจากฮาร์ดแวร์ค่ะ

10. ถึงเวลาเปลี่ยนมือถือใหม่แล้วหรือยัง

หากโทรศัพท์ของคุณมีปัญหาในการชาร์จจริงๆ (และยังคงชาร์จอยู่) และคุณได้ลองวิธีการทั้งหมดข้างต้นแล้วไม่สำเร็จ บางทีอาจถึงเวลาที่ต้องปล่อยวางเครื่องเก่าเสียทีค่ะ แล้วซื้อเครื่องใหม่ และหมั่นดูแลรักษามือถือรวมถึงการชาร์จมือถือที่ถูกต้องด้วยนั่นเองค่ะ

 

 

ที่มา : Android Authority