บทความนี้จะมานำเสนอ เรื่องน่ารู้ที่คิดว่าหลายๆคน อาจยังไม่รู้กันนะคะ นั่นก็คือ เรื่องของบัตรประจำตัวประชาชนนั่นเองค่ะ รู้หรือไม่คะว่า การไม่พกบัตรประชาชนโดยไม่มีแอป ThaiD หรือความหมายเดียวกันคือ ไม่มีทั้งบัตรประชาชน และแอป ThaiD ติดตัว อาจเพราะลืม แล้วคิดว่าไม่ได้ไปไหนไกลๆ คงไม่เป็นไร แต่ความจริงก็คือ บุคคลผู้มีสัญชาติไทย และมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน ที่มีอายุตั้งแต่ 7-70 ปี ต้องขอมีบัตรประจำตัวประชาชนเป็นของตัวเอง ซึ่งกฎหมายกำหนดให้ต้องพกบัตรประจำตัวประชาชน เพื่อประโยชน์ของตัวผู้ถือบัตรเองด้วย หากไม่ได้พกหลักฐานอย่างบัตรประชาชนเลยไม่ว่าจะเป็นแบบบัตร หรือมือถือ ถือว่ามีความผิด โดนปรับได้นะคะ

 

 

ตามพระราชบัญญัติบัตรประจำตัวประชาชน พ.ศ. 2526 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 17 กำหนดว่า “ผู้ถือบัตร หรือใบรับ หรือใบแทนใบรับ ซึ่งมีอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป ผู้ใดไม่สามารถแสดงบัตร หรือใบรับ หรือใบแทนใบรับ เมื่อเจ้าพนักงานตรวจบัตรขอตรวจ มีความผิดทางพินัย ต้องชำระค่าปรับไม่เกิน 200 บาท” เพราะความผิดเกี่ยวกับบัตรประชาชนมีผลกระทบกับความมั่นคงนั่นเองค่ะ

ถ้าหากลืมแต่มีมือถือที่ลงแอป ThaiD ด้วย สามารถใช้แทนบัตรประชาชนได้ ตั้งแต่ 10 มกราคม 2566 เป็นต้นไปนะคะ

 

                               รูปบัตรประชาชนจากแอพพลิเคชั่น ThaID

 

ทั้งนี้ยังมีข้อที่ควรรู้อีกเรื่องหนึ่งนะคะ นั่นก็คือ หากคุณถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกตรวจบัตรประชาชน ให้รู้ไว้นะคะว่า ไม่ใช่ตำรวจทุกนายที่จะมีอำนาจในการตรวจบัตร เพราะตามคำสั่งกระทรวงมหาดไทยที่ 1496/2561 เรื่อง แต่งตั้งเจ้าพนักงานตรวจบัตร ระบุว่าเจ้าพนักงานตรวจบัตรที่เป็นข้าราชการตำรวจ ต้องมียศตั้งแต่นายร้อยตำรวจตรี หรือเทียบเท่านายร้อยตำรวจตรีขึ้นไป จึงจะเป็นเจ้าพนักงานตรวจบัตรภายในเขตอำนาจหน้าที่ ส่วนตำรวจชั้นประทวนจะขอดูบัตรประชาชนได้ ก็ต่อเมื่อต้องอยู่ที่ด่านตรวจที่ถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้นนั่นเองค่ะ

เพราะฉะนั้น หากคุณถูกตำรวจขอตรวจบัตรประชาชน คุณสามารถขอดูบัตรประจำตัวตำรวจก่อนได้ ว่าเป็นตำรวจจริงหรือไม่ และมียศระดับร้อยตำรวจตรีขึ้นไปหรือไม่ โดยเฉพาะตำรวจนอกเครื่องแบบที่เข้ามาขอตรวจ ในขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ขอดูได้อย่างเดียว ไม่สามารถถ่ายรูปได้ และห้ามยึดบัตรโดยเด็ดขาดค่ะ

ดังนั้นใครที่จะออกจากบ้าน ก็อย่าลืมพกบัตรประชาชน หรือไม่ก็พกมือถือที่ติดตั้งและลงทะเบียนแอป ThaiD ของคุณไว้ให้เรียบร้อยด้วยนะคะ

 

 

ที่มา กระทรวงยุติธรรม  , สำนักบริหารการทะเบียน กระทรวงมหาดไทย