หลังจากที่ทาง Netflix ได้มีการประกาศมาตรการสุดช็อกในไทย นั่นก็คือการเก็บเงินบัญชีหารเพิ่มบ้านละ 99 บาท พร้อมบังคับใช้ทันทีทีมีการออกประกาศนั้น ทำเอาหลายคนตื่นตกใจว่า แล้วแบบนี้จะยังหารบ้าน แชร์กันจ่ายได้อยู่เหมือนเดิมไหม แล้วเราต้องจ่ายเพิ่มไหม?  บทความนี้จะมาตอบข้อสงสัย พร้อมคำนวนเงินที่จะต้องจ่ายให้ดูกันแบบชัด ๆ ไปเลยค่ะ จะเป็นอย่างไรบ้าง ตามมาดูไปพร้อมๆกันเลยค่ะ

 

 

สรุป NETFLIX 4K แบบไหนต้องจ่ายเพิ่ม

1. หากบ้านไหนที่ทุกคนดูในอุปกรณ์เคลื่อนที่เช่น มือถือ แท็บเล็ต โน้ตบุ๊ก และไม่เคยล็อกอินในทีวี ยังหารกันได้ในราคาปกติ จ่าย 419 บาท / 4 คน ตามเดิมไม่มีบวกเพิ่มนะคะ

2. หากมี 1 คน ล็อกอินรับชมผ่านทีวี หรือกล่องรับสัญญาณ อีก 3 คนก็ยังสามารถรับชมผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ได้ในราคาปกติ  จ่าย 419 บาท / 4 คน ตามเดิมไม่มีบวกเพิ่มเช่นกันค่ะ

3. หากมี TV หลายเครื่องในบ้านเดียวกัน และต่อ Wi-Fi อันเดียวกัน ยังดูได้พร้อมกัน 4 จอเหมือนเดิม ไม่ต้องจ่ายเพิ่มค่ะ

4. หากมีการรับชมทีวีในทีวีอยู่แล้ว 1 คน แต่มีการล็อกอินผ่าน TV หรือ Android Box ที่ไม่ได้ต่อ Wi-Fi อันเดียวกัน เพิ่มเข้ามา Netflix จะนับทีวีนั้นเป็นบ้านใหม่ทันที และบังคับให้สมัคร Extra Member บ้านละ 99 บาท เพิ่มได้สูงสุด 2 บ้านนะคะ

5. หากสมาชิกหารของเราดู Netflix ในทีวีกันครบทุกคน จะต้องให้คนหนึ่งออกจากระบบทีวี จาก 4 เหลือ 3 คน เพราะ Netflix จำกัดไว้สูงสุดแค่ 1 บ้านหลัก 2 บ้านรองเท่านั้น คือ จะต้องมีใครคนหนึ่งเสียสละไม่ดูในทีวี 1 คน ถึงจะหารได้ครบ 4 คนเหมือนเดิมนั่นเองค่ะ

 

 

ราคาแพ็กเกจ NETFLIX 4K เมื่อร่วม EXTRA MEMBER

– ราคาเดิม 419 บาท เมื่อหาร 4 คน จะตกอยู่คนละ 104.75 บาท *เฉพาะอุปกรณ์เคลื่อนที่เท่านั้น ห้ามดูในทีวี *

– หากทุกคนที่เป็นสมาชิกหารกัน จำนวน 4 คน จะดูทีวี ระบบจะบังคับให้การหารจะเหลือแค่ 3 คน ถึงจะดูทีวีได้ 3 เครื่อง

– จะต้องจ่ายทั้งหมด 419 + 99 + 99 = 617 บาท  เมื่อหาร 3 คน จะตกคนละ 205.6 บาท / หากหาร 4 คนจะต้องมีคนยอมดูในอุปกรณ์เคลื่อนที่อย่างเดียว กรณีนี้จะตกคนละ 154.25 บาทนั่นเองค่

ข้อจำกัดของ Extra Member ก็คือ หากใครคิดว่าเมื่อจ่ายค่า Extra Member ครบ 2 คนจะดูได้พร้อมกันทั้งหมด 6 คน บอกเลยว่าคิดผิดแล้วนะคะ เพราะ Netflix ยังจำกัดการดูที่ 4 จอทีวีเหมือนเดิมค่ะ

 

 

ข้อเสียเปรียบของบัญชีที่ต้องจ่ายเพิ่ม 99 บาท คือมีได้เพียง 1 โปรไฟล์ ดูได้เพียง 1 เครื่องในเวลาเดียวกัน (ไม่สามารถเปิดบนทีวีและสมาร์ทโฟนพร้อมกันได้) รวมถึงดาวน์โหลดได้เพียง 1 เครื่องเท่านั้น และการสมัครบัญชีเสริม ต้องชำระค่าใช้จ่ายแยก ถึงแม้จะมีฟีเจอร์ย้ายโปรไฟล์ไปไว้ในบัญชีใหม่ แต่ข้อมูลการชำระเงินจะไม่ย้ายไปบัญชีใหม่นะคะ ผู้ที่ย้ายโปรไฟล์จะต้องเพิ่มวิธีการชำระเงินเองและจ่ายแยกเองต่างหากค่ะ

สรุปแบบเข้าใจง่ายๆเลยนะคะ คือถ้าใครยังต้องการดู Netflix ที่มีความละเอียดความคมชัดทั้งภาพ และเสียงแบบสูงสุดบน TV จอใหญ่ แต่ยังไม่พร้อมที่จะจ่ายค่าสมาชิกแบบเต็ม ๆ ยังสามารถหารกันได้แบบคุ้มอยู่นะคะ ถึงราคาหารต่อคนจะแพงขึ้นจากเดิมครึ่งหนึ่งก็ตาม เพราะถ้าต้องการจ่ายถูกกว่านี้ คุณภาพการดูบนจอใหญ่ก็จะถูกลดหลั่นลงไปนั่นเองค่ะ ก็ลองเอาไปพิจารณากันนะคะว่าจะเอายังไงกันต่อนะคะ หวังว่าบทความนี้คงพอจะช่วยไขข้อข้องใจเกี่ยวกับการประกาศนโยบายใหม่ของ Netflix ในครั้งนี้นะคะ

วิธีการติดตั้ง Netflix Household บน TV

 

1. เข้าหน้าแรกบน Netflix บน TV และเลือกที่เมนู
2. เลือก Get Help > จัดการ Netflix Household
3. เลือกยืนยัน Netflix Household หรือ อัปเดต My Netflix Household
4. กดเลือกส่ง Email หรือ ส่งข้อความ ลิงก์ยืนยันจะถูกส่งไปที่อีเมลหรือ SMS หมายเลขโทรศัพท์ที่เพิ่มไว้ ซึ่งลิงก์ยืนยันจะหมดอายุหลังจาก 15 นาที
5. ถ้าไม่ได้รับลิงก์ยืนยันทางอีเมลหรือข้อความ คลิกที่ Resend Email หรือ Resend Text อย่างใดอย่างหนึ่งหรือเลือกที่ Remind Me Later
6. สำหรับคนที่เลือกทางอีเมลให้กด Yes, This Was Me ถ้าคนที่เลือกทาง SMS กดเข้าไปที่ลิงก์ในข้อความและกดยืนยัน Netflix Household หรือ Update Netflix Household
7. บนหน้าขอ TV จะขึ้นแสดงการยืนยันบนหน้าจอ TV และได้รับอีเมลยืนยัน เลือก Continue to Netflix เพื่อเริ่มการดูได้

 

ที่มา: https://help.netflix.com/en/node/123277 ,https://help.netflix.com/en/node/128339 , www.blognone.com, Netflix ประเทศไทย