บทความนี้จะมานำเสนอเกี่ยวกับเรื่อง ระดับดาวของโรงแรมใช้กฎเกณฑ์อย่างไร ? กันนะคะ การจัดระดับดาวของโรงแรมนั้น เป็นระบบการประเมินคุณภาพและมาตรฐานบริการที่ช่วยให้ลูกค้าเข้าใจระดับของโรงแรมได้อย่างง่ายดาย โดย “ระดับดาว” มักจะเป็นตัวชี้วัดที่ใช้กันทั่วโลกในการบ่งบอกถึงความหรูหราและสิ่งอำนวยความสะดวกของโรงแรม ตั้งแต่ 1 ดาว ไปจนถึง 5 ดาว หรือมากกว่านั้นในบางประเทศนะคะ
ระดับดาวของโรงแรมใช้กฎเกณฑ์อย่างไร ? มาดูกัน
ดาวของโรงแรมมาจากไหน? ดาวของโรงแรมไม่ได้กำหนดโดยองค์กรเดียวทั่วโลก แต่จะขึ้นอยู่กับหน่วยงานที่รับผิดชอบในแต่ละประเทศหรือภูมิภาค ยกตัวอย่างเช่น
– องค์กรภาครัฐหรือสมาคมการท่องเที่ยว
– ในบางประเทศ การจัดระดับดาวของโรงแรมเป็นหน้าที่ของหน่วยงานภาครัฐ เช่น กระทรวงการท่องเที่ยว หรือสมาคมโรงแรมแห่งชาติ
– องค์กรเอกชนหรือแพลตฟอร์มจองโรงแรม
– บางกรณี ดาวของโรงแรมอาจมาจากการประเมินของบริษัทเอกชน เช่น เว็บไซต์รีวิวและจองโรงแรมอย่าง Booking.com, Expedia หรือ Agoda ที่มีเกณฑ์ของตัวเอง มาตรฐานระดับสากล เช่น Hotelstars Union ในยุโรปที่มีการใช้เกณฑ์ร่วมกันในหลายประเทศ หรือระบบ AAA Diamond Ratings ที่นิยมในอเมริกาเหนือ
เกณฑ์ที่ใช้ในการประเมินระดับดาวของโรงแรม การประเมินระดับดาวของโรงแรมมักพิจารณาจากหลายปัจจัย โดยปัจจัยที่สำคัญที่สุด ได้แก่:
– สิ่งอำนวยความสะดวกในห้องพัก เช่น ขนาดของห้อง การตกแต่ง คุณภาพของเตียง การมีสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น เครื่องปรับอากาศ โทรทัศน์ ตู้เย็น อินเทอร์เน็ต และมินิบาร์
– บริการของโรงแรม เช่น การให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง การมีพนักงานยกกระเป๋า
– บริการรูมเซอร์วิส ความรวดเร็วและคุณภาพของการบริการของพนักงาน
– พื้นที่ส่วนกลาง เช่น ล็อบบี้ที่ตกแต่งอย่างสวยงาม ร้านอาหารและบาร์ สระว่ายน้ำ ฟิตเนส หรือสปา
– ความปลอดภัยและความสะอาด ระบบความปลอดภัย เช่น กล้องวงจรปิด กุญแจหรือคีย์การ์ดความถี่ของการรักษาความสะอาดของห้องพักและพื้นที่ส่วนกลางโดยแม่บ้านของโรงแรม
– ทำเลที่ตั้งและสิ่งแวดล้อม ตำแหน่งที่ตั้งอยู่ในพื้นที่สำคัญ เช่น ใกล้แหล่งท่องเที่ยว และวิวที่มองเห็นจากโรงแรม
ระดับดาวบอกอะไรกับนักเดินทางได้บ้าง
– 1 ดาว โรงแรมราคาประหยัดที่ให้บริการพื้นฐาน เช่น ห้องพักและเตียงนอน แต่ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากนัก
– 2 ดาว มีสิ่งอำนวยความสะดวกเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เช่น โทรทัศน์หรืออาหารเช้า
– 3 ดาว โรงแรมมาตรฐานที่มาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกหลากหลาย เช่น ฟิตเนส หรือร้านอาหาร
– 4 ดาว โรงแรมหรูที่เน้นคุณภาพการบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกชั้นเลิศ
– 5 ดาว โรงแรมระดับสูงสุดที่มอบประสบการณ์หรูหรา เช่น ห้องสวีท สปาระดับไฮเอนด์ และการบริการเฉพาะ สิ่งที่ควรทราบก็คือ ระดับดาวอาจไม่เหมือนกันในแต่ละประเทศ เนื่องจากเกณฑ์การประเมินแตกต่างกัน นอกจากนี้ การอ่านรีวิวจากผู้เข้าพักจริงจะช่วยเสริมข้อมูลในการตัดสินใจจองโรงแรมให้ตรงกับความต้องการและงบประมาณของผู้เข้าพักได้ดียิ่งขึ้นค่ะ